เรื่องของการเดินทางสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน 4-8 พย.58
ทัวร์นิราศเยือนจีน, หากคุณกำลังไปจีนสู่กวางเจาอันเป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง จะไปลงสนามบินไป่หวิน,เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่โต มีธุรกิจการค้าทางเศรษฐกิจอย่างมากมาย มีการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ เมืองนี้กำลังขยายตัวอย่างน่าทึ่ง จีนกำลังเข้าสู่การเจริญเติยโตอย่างกำลังพลิกหน้าประวัติศาสตร์
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จอดคิดเป็นวัน ค่าจอดวันละ 250 บาท เดินไปเอาตั๋ว ส่งกระเป๋าขึ้นสายพาน เข้าไปภายในส่วนผู้เดินทาง ห้ามนำน้ำเข้าไป เมื่อเข้าไปมีของขายในนั้นเป็นร้านมากมายรวมทั้ง King Power ตอนผ่านเครื่องตรวจความปลอดภัย อะไรที่เป็นโลหะ ถอดออกใส่ตระกร้าให้หมด เช่น เข็มขัด รองเท้าที่มีส่วนของโลหะ สร้อยคอ เพาเวอร์แบ๊งค์ ตอนเดินไปขึ้นเเครื่อง ไกลมาก แต่ยังดีที่มีทางเดินเลื่อนเป็นจุดๆไป มีห้องน้ำตรงที่นั่งรอขึ้นเครื่อง และกฎเหล็กคือ ไม่สามารถนั่งด้วยกันได้ ที่จะแรนด้อม สลับกันไปทั่วในราคาบริเวณเดียวกัน ถึงขอตอนตีตั๋วก็ไม่ให้ อาจเป็นเพราะ มากันเป็นกรุปทัวร์ ไม่ว่าขาไปหรือ ขากลับจากจีน
เริ่มเดินทางด้วยนั่งสายการบิน KenYa AirLine ไอพ่นใหญ่ 2 ตัว ความเร็วที่บิน 700-900 กม./ชม. ระดับเหนือเมฆ อุณหภูมิภายนอกเครื่อง ติดลบ 20 - 56 °C ซึ่งนักบินเป็นคนต่างชาติ คนไทยเป็นพนักงานประจำเครื่อง ชุดแดง หน้าจีนๆกัน พนักงาน ยิ้มเป็นบางคน เดินแจกของครบแล้วรอบเดียวจบ จะไม่ค่อยเดินมาถาม แต่อยากได้อะไรก็เดินไปหาพนักงานเอา ก็หยิบให้ ตอนเครื่องขึ้นไม่เท่าไร แต่ตอนลง ล้อจะกระแทกค่อนข้างดัง เบรคที หวาบหวิว เวลาพนักงานพูดบนเครื่องเสียงเบา ฟังไม่รู้เรื่อง ผู้โดยสารส่วนใหญ่ จะเป็น ชาวเคนย่า ตัวใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ ควรมียาดมติดตัวไป เชื่อเถอะ..ต้องใช้ มีภาพยนตร์ให้ดูแยะ มี 4-5 ภาษา ยกเว้นภาษาไทย ห้องน้ำเข้าได้ ตอนเครื่องขึ้นแล้ว พอกดน้ำปั้บ เสียงดูดลงไปดังมาก ที่แรกเล่นเอาสะดุ้งเลย
เมื่อถึงสนามบิน โดยใช้เวลาเดินทาง 2 - 2.30 ชม. วันที่ 4ถึงเวลา 17.30 น.ของจีน ซึ่งเร็วกว่าของไทยราว 1 ชั่วโมงกว่า อุณหภูมิราว 28 °C สิ่งที่เจออันดับแรกคือ เดินไปลานจอดรถที่ไกล ออกประตูไปตัวอาคารสนามบิน..ระหว่างทางเดินยาว..ไฟค่อนข้างสลัวถึงมืด (คือไม่มีไฟระหว่างทางเดินนอกอาคารสนามบิน) ข้ามสะพานลอยคนเดินข้าม มีบันไดเลื่อนขึ้น แต่ไม่มีทางเลื่อน เดินลากกระเป๋าอย่างเดียว อาจเป็นเพราะกรุ็ปทัวร์ รถไม่วนเข้ามารับ ที่เด็ดกว่านั้น ไม่เปิดแอร์หรือติดเครื่องรอเหมือนไทยเรา ต้องคนขึ้นมาเกือบเต็ม ต้องรอเอากระเป๋าขึ้นข้างรถก่อน ร้อนจนต้องบอกให้เปิดแอร์ ระหว่างการเดินทาง 5 วัน ไม่เคยเช็ดกระจกเลย คนขับ มีหน้าที่ขับอย่างเดียว
จากนั้นไปที่ภัตตาคารทานข้าวอาหารอร่อย เริ่มด้วย ซุปฝักมาตราฐาน เน้นใช้น้ำมันเป็นหลัก และมีเรื่องเผือกๆ ใส่กับอาหาร เช่น ขาหมูเผือก เผือกกรอบ คาราเมล ไข่เจียวบางๆทอด ผักกวางตุ้ง พร้อมเป็ด ไก่ ที่มีเนื้อบางๆ แต่อร่อย..สำหรับคนชอบแทะ
ขอบอกว่า อร่อย ปลาน้ำจืด แต่ก้างแยะ รสชาติกลมกล่อม อร่อยแต่น้ำมันพืชแยะ
แล้วเดินทางต่อไปพักที่เมืองเหอโจว โรงแรม Bo Sheng Garden Hotel ห้องพักสะอาดดีมากใหญ่โต เตียงกว้างนอนสบาย ห้องน้ำมีไดเป่าผมให้ ยังเน้นเซ๊กซี่เปิดเผยเป็นกระจกใสข้างตียงนอน แต่มีมู่ลี่ดึงมาปิดได้ เวลาอาบน้ำจะเห็นเป็นเงาเคลื่อนไหวได้ เหมาะสำหรับคู่รักจริงๆ มีเก้าอี้นั่งดูหนัง โต๊ะเก้าอี้ทำงานอ่านหนังสือ นับว่าเยี่ยม แต่ .อย่าเผลอเอาผ้าที่เขาเก็บไว้ในห้องที่ห่อพลาสติกไว้มาใช้ เพราะเขาจัดไว้ให้แล้ว จะถูกปรับ ผืนละ 50 หยวน (300 บาท ).โทรทัศน์จอแบนใหญ่พอควร มีแต่ช่องของจีนล้วนๆ ภาษาก็จีนล้วนๆ ชาตินิยมมากๆ มี Wi-Fi แต่เปิดGoogle ,Line , Facebook ไม่ได้.. รัฐบาลจีน ไม่สนับสนุน มีแต่เว๊บของ อาลีบาบาร์ ซึ่งก็เล่นไม่ได้
ห้องนอนที่น่า..นอนและอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะ ห้องน้ำเปิดหมด ที่เหมาะสำหรับคู่รัก... สุดฟิน
วันที่ 5 พย. เดินไกลเพื่อชมถ้ำเงิน (*จึงขอแนะนำว่า ไปเที่ยวจีน ให้ฝึกเดินแยะๆ เพราะที่ชมแต่ละที่ ไกลเป็นกิโล) ที่อำเภอลี่ฝู่
ระหว่างทางเดินไปชมถ้ำ จะมีอะไรเพลินๆใฟ้กู ราคาไม่แพง อาหารหลักคือเผือก ข้าวโพด มัน พลับ ส้ม ไอศครีม บางอย่างก็ถูกเช่นลูกพลับเชื่อม พอดีซื้อน้อยตกลูกละ 5 บาท อร่อยดี แต่ที่แพงคือ ลูกเกาลัดต้มถุงละ 10 หยวน (60 บาท) มีประมาณ 10 กว่าลูก แต่รสชาติอร่อยดี
คนขายจะไม่เรียกลูกค้า ค่อนข้างขี้อาย เวลาถ่ายรูปถ้ารู้ตัว ก็จะหลบกล้อง เป็นแบบนี้แทบทุกที่ ไม่ว่า สาวพนักงานโรงแรม แม่ค้าของที่เห็น แม่ค้าขายเสื้อผ้า แม่ค้าขายลูกชิ้นที่สวนสาธารณะ ..
เราเช้าชมก็ต้องซื้อบตรเข้าขมก่อน เมื่อเข้าไปแล้วจะมีจุดถ่ายภาพมากมาย สวยด้วยแสงสี
มีหินงอกหินย้อยมากมาย ซึ่งเดิม ก่อนรัฐจะเข้ามา มีคนเข้ามา นำเอาหินงอกหินย้อยจากถำ้ไปขาย ภายในถ้ำมีความสวยงามมาก แต่เกิดจากการใช้แสงสี ส่วนที่สวยเป็นธรรมชาติ มีไม่มากนัก
เดินในถ้ำยาวอยู่ อากาศชื้น มีน้ำหยดลงมาบ้าง และมีของขาย ก่อนออกจากถ้ำ ราคานักท่องเที่ยวต่อได้ 50 -80 % แต่ต่อให้แล้ว ต้องเอาไม่งั้นโดนว่าแรงๆ ตรงทางออก ก็มีของขายอีก จะติดราคาไว้ โดย 1 หยวน เท่ากับ 5.70 บาท ควรแลกให้พอดี เพราะแลกกลับไปกลับมา ขาดทุน 2 รอบ
พอออกมาจากถ้ำ จะมีร้านขายของ สินค้ามากมายหลายชนิดซึ่ง อาจจะหาได้ในแม่สาย แต่การซื้อของฝากมันสำคัญที่ซื้อที่ไหนในเมื่อไปถึงจีนแล้ว
เมื่อเดินออกมาก็พบคนจีน ที่รอถ่ายรูปกันแบบไม่สนใจใครว่าจะรอ เขาถือว่าเขา(คนจีนจากมณฑลอื่น)ก็มาเที่ยวเหมือนกัน
วิวทิวทัศน์ที่งดงาม อากาศกำลังสบายไม่ร้อน แม้จึงเป็นเวลาใกล้เที่ยงก็ตาม
เดินผ่านทางออก ก็แวะถ่ายรูปรถม้าทองคำ ซึ่งหมายถึงความร่ำรวย หากอยากถ่ายรูปนั่งขี่ที่ม้าเลยก็ได้ คิด 15 หยวน
เสร็จจากเดินในถ้ำ ออกมา ก็เดินอีกละไกลอยู่ซึ่งมีภัตตาคารอยู่แถวนั้น..อาหารก็แบบทุกครั้งที่ทาน ฝีมืออร่อยเช่นกัน
จากนั้นเดินทางไปสู่ เมืองหยางซั่ว เพื่อเข้าโครงการณ์ของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมให้ประเทศมีรายได้ โดยเฉพาะ Group Tour ต้องเข้าชมเพื่อซื้อของต่างๆ เช่น ผ้าหม โดย พาไปดูตัวไหมก่อน แล้วพาเข้าไปในห้อง ชุดของผ้าห่ม ปิดประตู ห้องต่างๆ เหมือนเขาวงกต ออกไม่ถูก ไปเจอห้องขายของอีกห้อง ( ทางออกถูกปิด ไม่ให้เดินออกไปที่จอดรถ จนกว่าจะถึงเวลา ) เมื่อบอกราคาผ้าห่ม ตกผืนละ 35,000 - 100,000 บาท แล้วก็เริ่มมีโปรโมชั่น ซื้อ1 แถม 1 พอไม่ซื้อ ก็มีของแถมเพิ่มชึ้นเป็นชุดผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า ราคาก็ลดมาอีกนิด ก็เป็นหมื่นอยู่ดี จะมีพนักงานเข้ามาเป็นสิบ พยายามให้ซื้อให้ได้ อยู่ในนั้นครึ่งชั่วโมงกว่า ถึงปล่อยออกมา แล้วไป
ห้องผ้าไหม ราคาถึงใจ ห้องสุขภาพตรวจ มียาต่างๆขาย
อีกที่ เพื่อซื้อของเช่นกัน คือส่วนของสุขภาพ มีการตรวจฟรี เป็นโรคอะไรบ้าง แล้วจำหน่ายยา ตามความต้องการ ที่นี่ดูดีหน่อย มีรอยยิ้มแย้มต้อนรับอยู่ เช่น บัวหิมะหั่นฝอยตากแห้ง ถุงเท่ากำมือ 3 ถุง 100 หยวน คือ 600 บาท มีกอเอี้ยปิด แก้ปวดเมื่อย ที่เอามาให้ลอง 1 อัน มีพนักงานจีนหญิงสาวปิดให้
จากนั้นไปทานข้าวมื้อเย็นที่ภัตตาคาร ซึ่ง รถบัสจอดไกลจากที่ทานข้าว อาหารค่อนข้างมาตราฐาน เหมือนกับเมื่อวาน ก็อร่อยดี อิ่มมาก มีการสังสรรค์ สนุกสนานโดยเจ้าของบริษัทที่แสนใจดี ของเยสไอแคน ..พอทานเสร็จมาขึ้นรถที่เดิม ไม่มีการเลื่อนรถเข้ามาใกล้ๆ จอดตรงไหนตรงนั้น ถึงที่จอดแถวร้านจะว่างก็ตาม จากนั้นเข้านอนที่โรงแรม Jin Yi Holiday Hotel ห้องพักดีมาก ห้องน้ำโล่งเช่นกัน แต่กระจกเป็นฝ้า เวลาเคลื่อนไหวก็เห็นเป็นเงา ยังเหลือช่องข้างบนใสๆไว้ หากยืนดูบนเตียง ก็เห็นหมด
โต๊ะจีน..อาหารอร่อยทุกวัน ชอบมะ...ชอบมะ แบบเนี้ย
เช้าวันที่ 6 พย.58 ตื่นมา เหมือนทุกเช้า กับอาหารเช้าที่ เป็นปุฟเฟ่ย์ หากไปช้า อาหารจะหมด กว่าจะเสริฟมาใหม่ต้องรอ อาหารที่ถูกตัก จะหล่นอยู่ข้างๆ หมายถึงชีวิตที่รีบเร่งของคนจีน อาจจะเจอการแซงคิวบ้าง นิดหน่อย แต่เขาสามารถสูบบุหรี่ในห้องอาหารของโรงแรมได้ทุกโรงแรม ยกเว้นภัตตาคาร ตามร้านอาหาร หรือที่ต่างๆ เราจะไม่พบว่ามีน้ำแข็งขาย เพราะอากาศที่มักเย็นและ คนจีนเน้นสุขภาพ จะไม่ทานน้ำแข็งกัน และราคาก็แพงด้วย
อาหารที่คนจีนทานกัน เน้นสุขภาพล้วนๆ จะทานผักเป็นเมนูประจำ เต้าหูในรูปแบบต่างๆ แต่ที่สำคัญ ใช้น้ำมันจากพืช เป็นส่วนประกอบอาหารชนิดมัน เยิ้มเลย
ฃีวิตคนจีนส่วนมาก เร่งรีบ ไปตามท้องถนน มีเลนของรถมอเตอร์ไซด์โดยเฉพาะ ไม่ใส่หมวกกันน็อคกัน เพราะจริงๆ มันคือจักรยานไฟฟ้า รูปร่างเหมือนมอไซด์เป๊ะ ความเร็วสูงสุดที่ใช้คือ 40 กม./ชม. คันนึงชาร์ตไฟวิ่งได้ 1 วัน ของการใช้จริง ( 8 ชม.) บางคันมีหลังคาเป็นร่มใช้ในเมือง ราคาราว 5,000 หยวน ส่วนมอเตอร์ไซด์ของจริงใช้น้ำมันก็มีราคาแพงกว่านิด ดูความแตกต่างตรงที่ใส่หมวกกันน็อค แต่ส่วนใหญ่ ก็ไม่เห็นใส่กัน ไม่เห็นใครซิ่งมอเตอร์ไซด์สักคน ส่วนเมื่อซื้อแล้ว จะต้องมีที่จอดรถ ซึ่งพื้นที่ทั้งประเทศ คือของรัฐทั้งหมด ไม่มีใครเป็นเจ้าของทั้งสิ้น ตายไปก็คืนประเทศ ฉนั้นจึงต้องเช่าที่จอดคันนึง ค่าจอด 50 หยวนต่อเดือน
ส่วนรถยนตร์ในเมือง ก็มักจะเป็นรถยุโรป ที่นิยมมากคือ Volkswagen รองมาคือรถญี่ปุ่น เช่น Nissan ที่นิยมสุดๆจะเป็นรถเอสยูวี คล้ายๆ อเวนซ่าบ้านเรายี่ห้อ Poton ตามภาพช้างล่าง ไฮไลท์ อยู่ที่ค่าจอดรถ กับราคาที่เทียบกันไม่ได้เลย ติดตามอ่านต่อ ภาค 3 นะครับ อดใจรอนิดนึง..ขอบคุณครับ
โปรดติดตาม..ยังเขียนไม่จบครับ มีอีก..เรื่อยๆครับ.. เจาะลึก ภาค 3 ( กดเลยครับ )
กวางเจา,กวางโจว,กวางตุ้ง,ถ้ำเงิน,หินงอก,หินย้อย,หยางซั่ว,กุ้ยหลิน,เขาเหยาซาน,,เขางวงช้าง,เจดีย์เงิน เจดีย์ทอง,เจดีย์ผูเสียน,แม่น้ำหลีเจียง