ใช้ปุ๋ย,อาหารพืช,อาหารเสริม,แค็ปซูลนาโน,นาโนพลัสของวายไอซีกับนาข้าว และพืชทุกชนิด เพื่อแก้ปัญหาดินเสื่อมจากการใช้ปุ๋ยเคมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่องโดยเปลี่ยนเป็นการใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโน ฉีดพ่นทางใบทดแทนปุ๋ยเคมีได้ 50% ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนคืออาหารพืชที่สกัดสูตรเข้มขัน ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมของพืช ธาตุอาหารหลักของพืชไดแก่ ธาตุไนโตรเจน ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโปรตัสเซียม ธาตุอาหารรอง ได้แก่ ธาตุแม็คนีเซียม ธาตุแคลเซียม และธาตุอาหารเสริมพืช ได้แก่ ธาตุโบรอน ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี มังกานีส เป็นต้น ปลูกข้าว1ไร่ได้มากกว่า 1 ตัน ( มากน้อย..ขึ้นกับพันธ์ข้าว สิ่งแวดล้อม ปัจจัยภายนอกและภายใน คือ สภาพอากาศ น้ำ การบำรุงดิน ดินเสื่อมสภาพ ชนิดของดิน ช่วงเวลาการให้น้ำที่เหมาะสม การคลุมฆ่าหญ้า พายุ นก หนู เชื้อโรคต่างๆ..เป็นต้น )
วิธีใช้แค็ปซูลนาโน,ดีดีพลัสของวายไอซี,นาโนพลัสชนิดน้ำ ตามอัตราส่วนดังนี้
ข้อมูลอาหารเสริมพืช แค็ปซูลนาโน วายไอซี นาโนพลัส ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศแคนนาดา
ส่วนประกอบ :
-สารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากโมเลกุลของสารหลายชนิดรวมกัน ฮิวมิค แอซิดไม่น้อยกว่า50%โปตัสเซียม8% ทำให้กลับมาเป็นดินดี
-สารผสมเข้มข้นของสารประกอบ คาร์โบไฮเดรตหลายชนิดกับธาตุอาหารเสริมในรูปของสารดีเลต ช่วยนำสารเคมีที่ตกค้างมากลับให้พืชใช้ได้เกือบหมดสิ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้รวดเร็วดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีไคโตซาน ช่วยทำให้ขั้วเหนียว ดอกและผลที่ออก ไลอการล่วงหล่นจากขั้ว..นอกจากนี้ นาโนชนิดน้ำฮอร์โมน ยังมีสารที่พืชต้องการครบครันที่จำเป็น ทำให้พืชเพิ่มสารคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มแป้งและน้ำตาลให้พืชได้โดยตรง เพิ่มผลให้ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีสมบูรณ์ แข็งแรง หากพืชประสบปัญหาชะงักงัน เช่นร้อนจัด หนาวจัด หากใช้ ตั้งแต่เพาะเมล็ด พืชจะฟื้นตัวได้รวดเร็ว..หลังเกิดภาวะชะงักงัน..
คุณสมบัติ และวิธีการใช้นาโนอาหารพืชที่ถูกต้องได้ผล
- พืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว ข้าวโพด ฯลฯ ผสม yic นาโน1 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 15 วัน
- พืชผักสวนครัว เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เห็ด ฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูล ต่อน้ำ 40 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7-15 วัน
- ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กล้วยไม้ ดาวเรือง กุหลาบฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูลต่อน้ำ 50 ลิตร พ่นทุก 7 วัน
- พืชยืนต้นหรือ ผลไม้ เช่น ยาง ปาล์ม ลำใย เงาะ มะม่วง มะนาว องุ่น ทุเรียน ลิ้นจี่ ลองกอง ฯลฯผสม yic 1-2 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 15-30 วัน
- ใช้ปรับสภาพดิน ละลาย yic แค็ปซูล 3 แค็ปซูล ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วราดลงพื้นดิน
- ผสมปุ๋ยเม็ดคลุกเคล้า 50 แค็ปซูล/ปุ๋ยเม็ด 1000 กก. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ลุงโป๊ะ (สิน) สระพัง เพชรบุรี. ปลูกข้าวนาปีกับนาน้ำกร่อย ที่ไม่สามารถปลูกข้าวได้ แต่ต้องปลูกเพราะกันนาข้างๆว่า เป็นที่เพาะพันธ์หนูนา ปกติไม่ได้ข้าว แต่คราวนี้มาเจอเรา เอานาโน วายไอซีไปใช้ และหลังจากใช้..โรคข้าวไม่เกิด พอเก็บเกี่ยวได้ถึง 60 ถังต่อไร่..นี่หละ..รอยยิ้มของเกษตรกรที่เห็นอีกรายหนึ่ง..
อัตราการใช้...( ให้แกะเม็ดแค็ปซูลออกทุกครั้ง..เอาใช้แต่ผง)
1.ใช้ผสมน้ำ แค็ปซูลนาโน จำนวน 1 เม็ด ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่่นทุก 15 วัน จำนวน 2-3 ครั้ง (การราดโคนในช่วงที่ดินมีความชื้น)
จะช่วยกระตุ้นการออกดอกของผลไม้ ลำใย มะม่วง และไม้ผลทุกชนิด รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับ ที่ออกดอกได้ทุกฤดูกาล ยังช่วยบำ
รุงดอกและ ติดผลได้ดก บำรุงผลให้มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ รสชาดดี
2.ใช้ร่วมกับสารกำจัดแมลงเมื่อมีแมลงเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาด ใช้ชุดปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่นและเอสบีโคแม็คทั้งหมด ผสมน้ำ 400ลิตร
ฉีดพ่นพร้อมกับการกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลรอบแรก สามารถฉีดพ่นนาข้าวได้จำนวนพื้นที่ 10ไร่ เพื่อช่วยฟื้นต้นข้าวที่ทรุดโทรม
จากผลของ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาด
พันธุ์ข้าวของไทย..
พันธุ์ข้าวที่ใช้เพาะปลูกในประเทศไทย แบ่งตามลักษณะการปลูกของและความเหมาะสม กับพืนที่ปลุกในภาคต่าง ๆของประเทศไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาสายพันธ์ต่าง ๆ เพื่อให้พันธุ์ข้าวที่ใช้เพาะปลุกมีความความต้านทานโรค และการใช้น้ำในการเพาะปลุก หลากหลายชนิด คือ ข้าวพันธุ์ กข7 ค่อนข้างต้านทานโรคใบไหม้และโรคขอบใบแห้ง ค่อนข้างทนทานต่อสภาพดินเปรี้ยวได้ดี ข้าวพันธุ์ กข10 ต้านทานโรคใบไหม้ปานกลาง ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้งแมลงบั่ว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ข้าวพันธุ์ กข23 ต้านทานโรคของใบไหม้โรคของใบแห้ง และโรคจู่ในสภาพธรรมชาติ ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยจั๊กจั่นปานกลาง ไม่ต้านทานดรคใบสีส้มโรคไหม้ และโรคกาบใบแห้ง
ข้าวนาปี ที่คุณฉัตรชัย อยู่ยอด เกษตรกรเขาย้อย เพชรบุรี ผู้ขยัน เก่ง ทำนา สวน ไร่ ปลูกพืชหลายอย่างมาก มาทดลองใช้กับมะม่วง ข้าว ฟักทองถั่ว ที่ทำเงินหาให้ อย่างที่ไม่เคยได้มาก่อนเพราะปัจจัยหลายอย่างเช่นเดียวกับที่เกษตรกรหลายๆคนเจอ สุดท้ายมาใช้แค็ปซูลนาโนอาหารเสริมพืชของ วายไอซี จึงได้ผลผลิตอย่างมาก และมีคุณภาพ ขนาดใหญ่ จำนวนผลผลิตที่เพิ่มมาก รสชาติดี ลูกสวย ข้าวก็รวงสุด งดงามมาก
ข้าวนาปี ที่ปลูกในแปลงพื้นดินปนทราย ใส่น้ำไป วันเดียวก็แห้งหมด แต่ก็ยังไดเผลผลิตดีเมื่อใช้
*ข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี 60 ต้านทานโรคไหม้ โรคขอบใบแห่งเพลี้ยจักจั่นสีเขียว เพลี้ยกระโดดหลังขาว ไม่ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาล โรคกาบใบไม้แห้ง และโรคใบสีส้ม
*ข้าวพันธุ์พิษณุโลก 60-2 ต้านทานต่อโรคกาบใบเน่าโรคไหม้ โรคใบสีส้มในระดับสูง โรคขอบใบแห้งและเพลี้นกระโดดสีน้ำตาลปานกลางไม่ต้านทานโรคกาบใบแห้งและไส้เดือนฝอย เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่มีโรคกใบไหม้และโรคใบสีส้มระบาด
*พันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 90 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคใบหงิก โรค ใบสีส้ม โรคไหม้ และโรคขอบใบแห้ง มีช่วงระยะเวลาการออกรวง 7-12 วัน
*ข้าวพันธ์ชัยนาท 1 มีความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว โรคใบหงิก(ข้าวโรคจู่)และค่อนข้างต้านทานโรคไหม้
*ข้าวพันธุ์แพร่ 1 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคไหม้ โรคกาบใบแห้ง และโรคใบหงิก
*พันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 1 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว โรคไหม้ โรคใบหงิก โรคใบสีส้มและโรคของใบแห้ง
*ข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี2 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคของใบแห้ง โรคใบหงิก และโรคใบสีส้ม
*พันธุ์ข้าวคลองหลวง 1 เป็นพันธุ์ข้าว ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 ประมาณ 25% เป็นข้าวเจ้าหอมมีคุณภาพเมล็ดทางเคมีและการหุงต้มคล้ายข้าวขาวดอกมะลิ105 เป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง ปลูกได้ตลอดปี ต้านทานต่อโรคแมลง ได้แก่ โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดหลังขาวดีกว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105
*ข้าวพันธุ์หอมสุพรรณบุรี เป็นข้าวเจ้าหอมมีคุณภาพเมล็ดทางกายภาพและทางเคมีคล้ายข้าวขาวดอกมะลิ 105เป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงปลูกได้ตลอดปีอายุประมาณ 120 วัน ค่อนข้างต้านทานต่อโรคใบแห้งเพลี้ยกระโดดหลังขาวดี กว่าข้าวขาดอกมะลิ
*พันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 เป็นข้าวเจ้าหอมไม่ไวต่อช่วงแสง ลักษณะคล้ายพ้นธุข้าวขาวดอกมะลิ 105 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดีกว่า ข้าวเจ้าคลองหลวง 1
*ข้าวเจ้าสุพรรณบุรี และข้าวเจ้าชัยนาท 1 ให้ผลผลิตค่อนข้าวสูง พันธุ์ข้าวพิษณุโลก 1 ให้ผลผลิตสูงต้านทานต่อโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง โรคใบหงิกคุณภาพของเมล็ดดี สามารถสีเป็นข้าวสาร 100% ได้คุณภาพการหุงต้มและรับประทานดี
*ข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 ต้านทานโรคไหม้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ค่อนข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดหลังขาวและเพลี้ยจั๊กจั่น ข้าวพันธุ์สันป่าตอง1 ต้านทานโรคไหม้ และขอบใบแห้งดี ให้ผลผลิตสุง ข้าวเหนียสุก อ่อนนุ่มกว่า กข.10 เล็กน้อย สามารถปลูกได้ทั้งปี
*ข้าวพันธุ์สกลนคร เป็นข้าวเหนียไม่ไวต่อช่วงแสง มีคุณภาพหุงต้มดี ข้าวสุกนุ่ม และมีกลิ่นหอม ปรับตัวได้หลายสภาพนาดอน นาชลประทาน และสภาพไร่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าวพันธุ์สุรินทร์1 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลี้ยจักจั่นสีเขียวคุณภาพของเมล็ดดี
บทความ ข้าวเป็นพืชล้มลุกในตะกูลญ้าที่สามารถนำเมล็ดมากินได้ เป็นพืชประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว ต้นข้าวมีลักษณะภายนอกคล้ายกับต้นหญ้าเป็นพืชที่ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทยทั้งในที่ลุ่มและที่ดอน หรือพื้นที่ไหล่เขาที่เป็นการปลูกข้าวแบบขั้นบันได พันธุ์ข้าวหอมมะลิเป็นพันธุ์ข้าวไทย เป็นที่นำยมบริโภคกันทั่วโลก การเจริญเติบโตของข้าวแต่ละเมล็ดสามารถให้ต้นข้าวได้มากกว่า 1 ต้น ในลักษณะของการแตกกอ ซึ่งแตกต่างกับพืชตระกูลหญ้าทั่วไป การแตกหน่อจะแตกจากช่วงปลายของลำต้นแยกออกจากต้นข้าวต้นแรกและแตกกอใน ลักษณะเดียวกันไปเรื่อย ๆ ตามความสมบูรณ์ของต้นข้าว ซึ่งต้นข้าวสามารถแตกกอจากลำต้นเดียวกันได้สูงสุด 40-45 ต้น ต่อข้าว 1 เมล็ด
ประเภทของข้าว แบ่งออกตามลักษณะเนื้อเยื่อและของแป้งในเมล็ดของข้าวที่แตกต่างกัน ได้ 2 ประเภท
1. ข้าวเจ้า ในเมล็ดของข้าวเจ้าประกอบด้วยแป้งอมิโลส (Amylose) ประมาณ 15-30% นิยมรับประทานกันทั่วทุกภาคของประเทศไทยและนิยมนำแป้งไปแปรรูปเป็นอาหารของต่างประเทศ เช่น ทำขนมปัง หรือขนมหวาน ที่ใช้แป้งจากข้าว
2. ข้าวเหนียวในเมล็ดข้าวประกอบด้วยแป้งอมิโอเพคติน(Amylopectin) เป็นส่วนใหญ่และมีแป้งอมิโลส (Amylose) ประมาณ 5-7 %ความนิยมเป็นข้าวหลักในพื้นที่แถบภาคอิสานของประเทศไทย และอาหารแปรรูปได้ทุกภาค
การแบ่งประเภทตามนิเวศน์หรือลักษณะการปลุกข้าวใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท ดังนี้
1. ข้าวนาสวน เป็นข้าวที่ใช้ปลูกในที่นาที่มีน้ำขัง หรือมีการกักเก็บน้ำได้ระดับความลึกของน้ำไม่เกิน 50 ซม.ซึ่งมีปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย แบ่งออกเป็นข้าวนาน้ำฝน และข้าวนาชลประทาน ข้าวนาน้ำฝนคือข้าวที่ปลูกตามฤดูกาลนาปี และอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ ไม่สามารควบคุมระดับน้ำได้ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการกระจายของฝน
ในประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาน้ำฝน อยู่ประมาณ 70% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดส่วนข้าวนาชลประทาน คือข้าวที่ใช้ปลูกได้ตลอดทั้งปีในนาที่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ โดยอาศัยน้ำจากการชลประทาน ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาชลประทาน 24% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมด และพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ใน ภาคกลางของประเทศไทย
2.ข้าวขึ้นน้ำ คือข้าวที่ปลูกในนาที่มีน้ำท่วมขังในระหว่างการเจริญเติบโตของต้นข้าว มีระดับน้ำลึกตั้งแต่ 1-5 เมตร เป็นข้าวเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน ลักษณะพิเศษของข้าวขึ้นน้ำคือมีความสามารถในการยึดปล้อง(internode elongation abilityป การแตกกอและรากที่ข้อเหนือผิวดิน (upper nodal tillering and rooting ability) และการชูรวง(kneeing abilty)
3.ข้าวน้ำลึก คือข้าวที่ปลูกในพื้นที่น้ำลึก ระดับน้ำในนามากกว่า 50 เซนติเมตร ไต่ไม่เกิด 100 เซนติเมตร
4.ข้าวไร่ คือข้าวที่ปลูกในที่ดอน หรือในสภาพไร่ บริเวณไหล่เขาหรือพื้นที่ซึ่งไม่มีน้ำขัง ไม่มีการทำค้นนาเพื่อกักเก้บน้ำไว้
5. ข้าวนาที่สูง คือข้าวที่ปลูกในนาที่มีน้ำขังบนที่สูงตั้งแต่ 700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ขึ้นไป พันธุ์ข้าวนาที่สูงต้องมีความสามารถที่ทน
ทานอากาศหนาวเย็นได้ดี
*ข้าวนาน้ำฝนที่แนะนำให้ปลูกได้ทุกภาค ข้าวพ้นธุ์ขาวดอกมะลิ105
ปลูกได้ในนาที่ดอนทั่วปไป ทนแล้ว ทนดินเปรี้ยว ทนดินเค็ม คุณภาพการหุงต้มดี มีกลิ่นหอม รสชาดดี ต้านทานใส้เดือนฝอยรากปม ไม่ต้านทานโรคไหม้โรคขอบใบแห้งโรคใบส้ม โรคจู่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่นสีเขียว หนอนกอ
*ข้าวพันธุ์เหนียวป่าตอง แนะนำให้ปลูกภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาล โรคไหม้ ไม่ต้านทานเพลี้ยกระโดด สีน้ำตาล และแมลงบั่ว ทนดินเค็ม และนวดง่าย ทนแล้ง ปลูกเป็นข้าวไร่ได้ อายุเบา เหมาะกับนาดอนที่ฝนหมดเร็วต้านทานโรคไหม้ โรคใบจุดสีน้ำตาล ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และแมลงบั่ว
*ข้าวพันธุ์ กข6 ทนแล้ง และมีคุณภาพหุงต้มดี มีกลิ่นหอม และรสชาติดี ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาลโรคไหม้ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและแมลงบั่ว ข้าวพันธุ์เหนียวอุบล มีความต้านทานโรคใบสีส้ม ในสภาพธรรมชาติปานกลาง แต่ถ้ามีโรคหรือแมลงระบาดรุนแรงอาจเกิดความเสียหายได้ ไม่ต้านทานโรคไม้ในระยะออกรวง ข้าว
*พันธุ์เหนียวอุบล2 มีผลผลิตสูงตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยได้ดี ต้านทานโรคไหม้ ทนทานดิน สามารถปลูกร่วมระบบการปลูกพืชหมุนเวียน
*ข้าวพันธุ์เหลืองประทิว 123 มีต้านทานโรคชอบใบแห้งและโรคจู๋ไม่ต้านทานโรคไหม้ โรคใบสีส้มโรคใบเขียว และหนอนกอ ปลูกได้ดีในดินเปรี้ยว ฟางแข็ง แตกกอดี * ข้าวพันธุ์น้ำสะกุย19 เป็นข้าวเบาที่ทนแล้งและทนน้ำท่วมได้ดี เหมาะสำหรับปลูกแถบน้ำฝนหมดเร็ว ไม่ต้านทานแมลงบั่ว โรคไหม้ โรคใบสีส้ม โรคใบจุดสีน้ำตาล โรคขอบใบแห้ง ข้าวพันธุ์พิษณุโลก60-1 มีต้านทานโรคขอบใบแห้งโรคกาบใบแห้ง และโรคจู๋ดีกว่าขาวดอกมะลิ 105 ต้านทานแมลงบั่ว ไม่ต้านทานโรคไหม้และโรคใบสีส้ม ต้นแข็ง แต่ถ้าใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากจะล้ม
* ข้าวพันธุ์ชุมแพ60 เป็นค่อนข้างต้านทานเพลี้ยจักจั่นสีเขียวและเพลี้ยกระโดดหลังขาวในสภาพเรือนทดลอง ทนทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในสภาพนา ไม่ต้านทานโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้ง เป็นข้าวไวต่อช่วงแสงที่ ตอบสนอง ต่อการใช้ปุ๋ย ทนดินเค็มปานกลาง เหมาะกับนาลุ่ม
*ข้าวนาน้ำฝนแนะนำเพาะปลุกในภาคใต้ ได้แก่ ..
*พันธุ์ข้าวนางพญา123 มีความต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาลและต้านทานเพลี้ยจักจั่นสีเขียวปานกลางคอรวงยาวแต่บางและหักง่าย และมีเมล็ดลีบที่โคนรวง
*พันธุ์ข้าวแก่นจันทร์ มีความต้านทานโรคจู๋ โรคใบขีดสีน้ำตาล และเพลี้ยจักจั่นสีเขียวปานกลาง ไม่ต้านทานโรคไหม้และเพลี้ยและเพลี้ย
กระโดดสีน้ำตาล ปลูกได้ดี ในดินเปรี้ยว และดินเค็มภาคใต้ที่ปรับปรุงโดยใส่หินฝุ่นแล้ว
*พันธุ์ข้าวพัทลุง60 เป็นพันธุ์ข้าวที่มีความต้านทานโรคขอบใบแป้งแต่ไม่ต้านทานโรคไหม้และโรคจู่ คอรวงยาวและมีจำนวนเมล็ดต่อรวงมาก
พันธุ์ข้าวลูกแดงปัตตานี เป็นพันธุ์ข้าวที่ทนทานต่อสภาพดินเค็มและดินเปรี้ยวในพื้นที่ภาคใต้ ความต้านทานโรคไหม้ปานกลาง
*พันธุ์ข้าวเล็บนกปัตตานี มีอายุหนักในการเก็บเกี่ยวมากกว่าพันธุ์มาตรฐาน ใช้ปลูกในพื้นที่นาลุ่มดี
*พันธุ์ข้าวเฉี้ยงพัทลุง ให้ผลผลิตค่อนข้างสูงสามารถปรับตัวได้ดีทั้งพื้นที่ปลูกที่เป็นนาดอน และนาลุ่ม คุณภาพการ สีดี คุณภาพการหุ้งต้มดี รับประทานอร่อย
*ข้าวขึ้นน้ำและข้าวน้ำลึก ได้แก่ ข้าวพันธุ์ปิ่นแก้ว56 เป็นข้าวทนน้ำลึกและขึ้นน้ำได้ดีจนถึงระดับนัสูงสุด 5 เมตร ไม่ต้านทานโรคไหม้ โรคใบสีส้ม โรคกาบเน่าเปื่อย โรคจู่
*ข้าวพันธุ์เล็บมือนาง111 เป็นข้าวทนแล้ง ทนน้ำลึกและขึ้นน้ำได้ดีจนถึงระดับน้ำสูงสุด 4เมตร ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาล ไม่ต้านทานโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง โรคใบสีส้มเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และ แมลงบั่ว
*ข้าวพันธุ์หันตา60 เป็นพันธุ์ข้าวที่เหมาะสำหรับพื้นที่ราบลุ่มภาคกล่งระดับน้ำ ไม่เกิน 1 เมตร ต้านทานโรคไหม้ได้ดี ไม่ต้านทานโรคใบสีส้ม โรคขอบใบแห้ง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่นสีเขียว และแมลงบั่ว
*พันธุ์ข้าวพลายงามปราจีนบุรี มีต้านทานโรคไหม้ในระยะหลังดีไม่พบการทำลายของโรค และแมลงในสภาพธรรมชาติ
*พันธุ์ข้าวปราจีนบุรี1 เป็นพันธุ์ข้าวเจ้าที่ทนน้ำลึกที่ให้ผลผลิตและคุณภาพสูงกว่าพันธุ์ กข 19 และหันตรา 60 ทนดินแล้ง ทนเปรี้ยวปานกลาง ทนน้ำท่วมปานกลาง สามารถจมอยู่ในน้ำได้นาน 7-10 วัน ต้านทานโรคไหม้ระยะกล้า โรคใบขีดโปร่งแสงปานกลาง ตอบสนองปุ๋ยไนโตรเจนได้ดี สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหาร
* พันธุ์ข้าวปราจีนบุรี2 ทนน้ำลึก ทรงต้นเตี้ย ฟางแข็งไม่ล้มง่าย มีศักยภาพให้ผลผลิตสูง ทั้งในสภาพน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร และในระดับน้ำ ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร
*ข้าวไร่ พันธุ์ข้าวซิวแม่จัน เหมาะสำหรับปลูกในสภาพไร่พื้นราบและสภาพไร่เชิงเขาในภาคเหนือและภาคกลางตอนบนซึ่งมีความสูงไม่เกิน 1,000เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ต้านทานโรคไหม้ โรคหูด ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้งใบสีส้ม โรคจู๋ โรคเขียวเตี้ย แมลงบั่วและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
*พันธุ์ข้าวดอกพะยอม มีต้านทานโรคไหม้ โรคใบจุสีน้ำตาลและโรคใบขีดสีน้ำตาล เหมาะสำหรับปลูกเป็นพืชแซมยางหรือปลูกเป็นข้าวไร่ทางภาคใต้ มีคอรวงยาวเหมาะสำหรับเกี่ยวด้วยแกละ และมีคุณภาพการหุงต้มดี รสชาติอร่อย
*พันธุ์ข้าวกู้เมืองหลวง เป็นข้าวที่เหมาะสำหรับปลูกพืชแซมยางหรือปลูกเป็นข้าวไร่ทางภาคใต้ เมล็ดเป็นท้องไข่มาก ต้านทานโรคไหม้โรคใบจุดสีน้ำตาลต้านทานเพลี้ยจักจั่นสีเขียวปานกลางไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้งและโรคใบวงสีน้ำตาล
*พันธุ์ข้าวอาร์258 เป็นข้าวที่เหมาะสำหรับปลูกเป็นข้าวไร่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเนือ ที่ฝนหมดเร็วและค่อนข้างแห้งแล้ง ความสูงไม่เกิน 1,000
เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ต้านทานโรคไหม้ปานกลาง ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง โรคใบสีส้ม โรคจู๋ โรคเขียวเตี้ย โรคหูด แมลงบั่ว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
*พันธุ์ข้าวโปร่งไคร้ เป็นข้าวที่ปรับตัวและเจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง800-1,250 เมตร ต้านทานโรคไหม้ได้สูง ต้านทานโรคขอบใบแห้งปานกลาง ไม่ต้านทานโรคใบสีส้ม โรคจู๋ โรคเขียว โรคหูด แมลงบั่ว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
*พันธุ์ข้าวเจ้าฮ่อ เป็นข้าวที่เหมาะปลูกในสภาพไร่พื้นราบ และสภาพไร่เชิงเขาในภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนซึ่งมีความสูง ไม่เกิน 1,000 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ต้านทานโรคไหม้ โรคหูด ไม่ต้านทาน โรคขอบใบแห้ง ใบสีส้ม โรคจู๋ โรคเขียวเตี้ยแมลงบั่วและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
*พันธุ์ข้าวน้ำรู เป็นพันธุ์ข้าวที่เหมาะสำหรับปลูกในสภาพไร่ ที่สูงมีอากาศหนาวความสูงตั้งแต่ 1,000-1,400 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง มีความต้านทานโรคไหม้ แต่ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง โรคใบสีส้ม โรคจู๋ โรคเขียวเตี้ย โรคหูด และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยสูง จึงควรใส่ปุ๋ยบำรุงดินด้วย
**พันธุ์ข้าวที่ได้รับความนิยม
<<ข้าวไทยที่ชนะเลิศเป็นที่หนึ่งของโลกก็คือ
*พันธุ์ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็นข้าวเจ้านาสวนเมล็ดยาว เนื้อแข็งมันเลื่อม ไม่เป็นท้องไข่ เปลือกและปลอกบาง เมล็ดไม่บิดโค้ง ไม่มีเมล็ดแดงปนและน้ำหนักเมล็ดดี (ภักดี,2539) และได้รางวัลอื่น ๆ อีกรวม 11 รางวัล ทำให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก>>
<<สำหรับพันธุ์ข้าวนาสวนที่รู้จักกันดี ได้แก่ พันธุ์นางมาล เอส -4 ขาวตาแห้ง 17 หรือพันธุ์ที่มีคุณภาพเป็นที่นิยมอย่างสูง เช่น ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ขาวเหนียว
สันป่าตองเป็นต้นส่วนพันธุ์ข้าวขึ้นน้ำ เช่น มะลิทอง มะลิอ่อง จำปา