puideedee.com

ปลูกมันสําปะหลังใช้นาโนแล้วดินดีได้ราคา

วิธีการปลูกปลูกมันสำปะหลัง การใช้ปุ๋ย ต้นหัวใหญ่ ลงหัวดี ทุนต่ำ ใช้เวลาน้อยลง  เพียงไม่กี่เดือนก็ได้ผลผลิตก่อนกำหนด..ผลของการใช้นาโนปลูกมัน

สำปะหลังซึ่งเป็นเทคนิคโดยใช้แค็ปซูลนาโนวายไอซี จากแคนนาดาไม่แปลงสูตร อินทรีย์ชีวภาพไร้สารพิษ ปลอดภัย ทนแล้ง ยังใช้น้ำน้อย โดยจะสร้างฉนวนกันน้ำ

ไม่ให้สูญเสียน้ำไปกับความร้อน..จึงได้ผลผลิตสูง แบบไม่พอขาย..และ เนื่องจากไม่มียูเรีย จึงไม่มีแมลงมากทำลายต้นไม้ นาโนจะมีองค์ประกอบของสารอาหารที่ครบ

ครัน วายไอซีเท่านั้น เมื่อคุณใช้จะรู้ทันที เพราะต้นไม้ "โกหกไม่เป็น"ผลผลิตเพิ่มพูน ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีร่วมก็เพียงเล็กน้อยน้อย ทำให้ประหยัดต้นทุน ได้ดินดีกลับคืน ปลูก

อะไรๆ ก็งามด้วยเกษตรผสมผสานทฤษฏีใหม่ เป็นการส่งเสริมเกษตรพอเพียงกับการใช้นาโน­อินทรีย์ชีวภาพ การปลูกพืชในปัจจุบัน ต้องประหยัดและได้ผลผลิตสูง

สภาพแวดล้อมดีๆ ก็กลับมา ที่ทำให้ลดการใช้เคมีลงเกินครึ่ง ในพืชยืนต้น ส่วนพืชกินใบในบางที่ ไม่ต้องใช้เคมีเลย แต่ผลผลิตกับสุดยอด แถมได้ดินดีกลับคืนมา

เพราะ มีฮิวมิคแอซิคทำให้ดินร่วนซุย และสารคีเลตที่ทำให้สารเคมีในดินที่ตกค้าง ได้นำมาใช้ให้พืชได้โต เร่งรากเร่งดอก ไม่ต้องใช้สารเร่ง หรือสารจับใบใดๆเลย.จุด

เริ่มต้นที่ดี ตามแนวพ่อหลวง การใช้อาหารเสริมเต็มสูตรสุดยอดราคาถูกมากๆที­่ใช้ได้ผลแน่นอน ใช้กับพืชได้หมดทุกชนิดไร้เคมีไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่ลดต้นทุน­เพิ่ม

ผลผลิตสูงขั้วเหนียว ทนแล้ง ทนหนาว สามารถฟื้นฟูจากการชะงักงันของ น้ำท่วม ร้อนจัดหนาวจัดได้ ทำให้ดินดี และวายไอซี ยังเป็นเจ้าแรกที่นำเข้า  บริษัทมีเว็ป

ไซด์ สามารถตรวจสอบได้ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่บิกซี ชั้น 3 ลาดพร้าว 81 เชิญติดต่อที่ทีมงานเราได้ทุกเมื่อ.ดูข้อม­ูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์นาโน*โทร.089-270-2607 ต้นไม้

โกหกไม่เป็นครับ..

ติดต่อสอบถาม นนท์ เกษตรนาโน โทร.089-270-2607 ( เวลา 6.00 - 24.00 น.)

 

มันสำปะหลัง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจากข้าวสาลี ข้าวโพดข้าว และมันฝรั่ง  ชื่อสามัญเรียกหลายชื่อเช่น Cassava, Yuca, Mandioa, Manioc,

Tapioca ชาวไทยเดิมเรียก  มันสำโรง มันไม้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก มันต้นเตี้ย  ภาคใต้เรียกมันเทศ  ( แต่เรียกมันเทศว่า " มันหลา ") คำว่า "สำปะหลัง"

ที่นิยมเรียกอาจมาจากคำว่า  "ซำเปอ (Sampou)" ของชวาตะวันตก

แหล่งกำเนิด แถบที่ลุ่มเขตร้อน (Lowland tropics) มีหลักฐานแสดงว่าปลูกกันในโคลัมเบีย และเวเนซูเอลา มานานกว่า 3,000-7,000 ปีมาแล้ว นิยมใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์

ชนิดและสายพันธุ์  มันสัมปะหลัง มีสองชนิด คือ

ชนิดหวาน มีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคต่ำ ไม่มีรสขมและสามารถใช้ทำอาหารได้โดยตรง เช่น พันธุ์ห้านาที,พันธุ์ระยอง 2

ชนิดขม มีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูง ต้องนำไปแปรรูปก่อน เช่น พันธุ์ระยอง 1, 3, 5, 60, 90 พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 และ พันธุ์ห้วยบง 60

การจำแนกสายพันธุ์ใช้คุณลักษณะหลายอย่างช่วยในการจำแนกเช่น สีของใบอ่อน สีก้านใบ สีลำต้น ขนที่ยอดอ่อน ลักษณะทรงต้น หูใบ

พันธุ์มันสำปะหลังของกรมวิชาการเกษตร

 ระยอง 1 / ระยอง 3 / ระยอง 60 / ระยอง 90 / ระยอง 5 / ระยอง 72

ระยอง 7 / ระยอง 9 / ระยอง 11

ลักษณะที่ใช้ในการจำแนก

1. สีของยอดอ่อน การดูสีของยอดอ่อนสามารถดูได้จากปลายกิ่ง โดยตรวจสอบลักษณะสีของใบยอดที่ยังไม่คลี่ ซึ่งต้องแยกบที่คลี่ออกจากใบที่ยังไม่คลี่ของส่วนยอด

ติดต่อสอบถาม นนท์ เกษตรนาโน โทร.089-270-2607 ( เวลา 6.00 - 24.00 น.)

 

 

 

     สีเขียวอ่อน เช่น พันธุ์ระยอง 90 ระยอง 3 ระยอง 7 ห้วยบง 80

1. สีเขียวอ่อน เช่น พันธุ์ระยอง 90 ระยอง 3 ระยอง 7 ห้วยบง 80

2. สีเขียว เช่น พันธุ์ระยอง 9 

3. สีม่วงอมเขียว เช่น ระยอง 60

4. สีม่วงอมน้ำตาล เช่น พันธุ์ระยอง 5 CMR35-22-196

5. สีม่วง เช่น พันธุ์ระยอง 72 ระยอง 1 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60

2. สีของใบอ่อ สีของใบอ่อนดูจากสีของเรือนยอดโดยรวม โดยเป็นใบอ่อนที่สามารถสังเกตุได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับใบมันสำปะหลัง สามารถสังเกตุได้จากปลายกิ่ง

ตรวจสอบลักษณะสีของใบยอดที่ยังไม่คลี่เต็มที่

1. สีเขียวอ่อน ระยอง 3 , ระยอง 7 , ระยอง 9 , ระยอง 90 , ห้วยบง 80

2. สีเขียวอมม่วง ระยอง 60

3. สีม่วง ระยอง 1 ระยอง 72 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60 ระยอง 5 CMR35-22-196

3. ขนที่ยอดอ่อน สามารถสังเกตุได้จากยอดอ่อน ยอดอ่อนที่มีขนสีมักมีลักษณะด้าน ส่วนอ่อน ยอดอ่อนที่ไม่มีขนสีมักมีลักษณะมันเงา หรืออาจใช้การสัมผัส ยอดอ่อน

    ที่มีขนสัมผัสจะนุ่มมือ สังเกตุได้ที่อายุประมาณ 3 - 6 เดือนหลังปลูก

1. ใบอ่อนมีขน เช่น พันธุ์ระยอง 1 ระยอง 2 ระยอง 3 ระยอง 60 

2. ใบอ่อนไม่มีขน เช่น พันธุ์ระยอง 90 ระยอง 5 ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 72 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80 CMR35-22-196

    เกษตรศาสตร์ 50

4. สีก้านใบ (colour of petiole) สีของก้านใบดูที่ก้านใบ ในตำแหน่งใบที่ 5 จากใบยอดที่คลี่เต็มที่ แล้ว 5 ใบจากยอด เมื่ออายุประมาณ 3 – 6 เดือนหลังปลูก        พันธุ์ที่ปลูกมีลักษณะสีของก้านใบและตัวอย่างพันธุ์ ดังนี้

1  สีเขียวอ่อน เช่น พันธุ์ระยอง 90 

2  สีเขียวอมชมพู เช่น ระยอง 3 ระยอง 7 ระยอง 9

3  สีเขียวอมแดง เช่น พันธุ์ระยอง 1 ระยอง 60 CMR35-22-196 ห้วยบง 60 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 80

4  สีแดงเข้ม เช่น พันธุ์ระยอง 5 ระยอง 72

5. รูปร่างของแฉกที่อยู่กลาง ใบมันสำปะหลังเป็นแบบใบเดี่ยว แผ่นใบเว้าเป็นแฉกลึก มีรูปร่างและจำนวนแฉกแตกต่างกันไปตามพันธุ์ โดยปกติมี 3-9 แฉก ยาว

ประมาณ 4-20 ซม. กว้างประมาณ 1-6 ซม. รูปทรงของแฉกแตกต่างกัน แต่ค่อนข้างคงที่ในแต่ละพันธุ์ เช่น เรียวยาว สั้นป้อม รูปร่างของแฉกที่อยู่ตรงกลางมีรูปร่าง

แตกต่างกัน สังเกตุเมื่ออายุประมาณ 3 – 4 เดือนหลังปลูก โดยดูในตำแหน่งใบที่ 5 จากใบยอดที่คลี่เต็มที่

อีกพื้นมี่ใกล้เคียงกัน ใช้นาโนวายไอซี ก็ได้ผลดเช่นเดียวกัน

 

 

พันธุ์ที่แนะนำให้ปลูกส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นใบหอก แต่ในพันธุ์ป่าจะมีรูปร่างของแฉกที่อยู่กลางหลากหลาย

1 รูปแถบ (linear)

2 รูปรี (elliptic)

3 รูปใบหอก (lanceolate) เช่น พันธุ์ระยอง 90 ระยอง 5 ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 72 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80 CMR35-22-196

4 รูปใบหอกกลับ (oblanceolate)

5 รูปไวโอลิน (pandurate) เช่น CMR35-22-19

6. ลักษณะทรงต้น (growth form) บางพันธุ์ลำต้นเป็นต้นเดี่ยว ไม่มีการแตกกิ่งบางพันธุ์มีการแตกกิ่งหลายระดับ แตกกิ่ง 3 กิ่ง หรือมากกว่า แต่เท่าที่พบจะไม่เกิน 4

กิ่ง พันธุ์ที่มีการแตกกิ่งมาก และแตกกิ่งหลายระดับจะมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย พันธุ์ที่มีการแตกกิ่งน้อยจะสูง จำนวนของการแตกกิ่งแตกต่างกัน การแตกกิ่งครั้งแรก การ

แตกกิ่งครั้งที่ 2 ของต้นจะตรงข้ามกับการแตกกิ่ง การแตกกิ่งแรก 

 1 การแตกกิ่ง 0-1 ระดับ เช่น พันธุ์ระยอง 1 ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 60 ระยอง 72

2 ทรงต้นแตกกิ่ง 1-3 ระดับ เช่น พันธุ์CMR35-22-196 ระยอง 5 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80 เกษตรศาสตร์ 503 การแตกกิ่ง 2-4 ระดับ เช่น พันธุ์ระยอง 3 ระยอง 90

7. สีของลำต้น (stem colour) มันสำปะหลังมีลักษณะเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-5 เมตร มีอายุหลายปี ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 - 6 ซม. มีก้านใบติด

อยู่ เมื่อใบมีอายุมากขึ้นใบก็จะหลุดร่วงไปทิ้งรอยแผลเป็นของก้านใบไว้ เรียกว่า รอยแผลใบ ลักษณะเป็นรอยนูนเด่นออกมาแตกต่างกันสามารถใช้เป็นลักษณะหนึ่งใน

การจำแนกได้ ระหว่างรอยแผลใบเรียกว่า ความยาวของชั้น และระยะห่างระหว่างใบก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์ ระยะการเจริญเติบโต สภาพแวดล้อม ในช่วงฤดูฝน

ระยะห่างระหว่างใบจะยาวกว่าในช่วงแล้ง เนื่องจากมีการเจริญเติบโตในฤดูฝนที่รวดเร็วกว่า เหนือรอยแผลใบมีตาหนึ่งตา ซึ่งเมื่อตัดต้นที่มีตาไปปลูกจะสามารถงอก

เป็นต้นใหม่ได้

1 สีเขียวเงิน เช่นพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 72 CMR35-22-196 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80

2 สีเขียวอมน้ำตาล เช่นพันธุ์ระยอง 5

3 สีน้ำตาลอมเหลือง เช่นพันธุ์ระยอง 9

4 สีน้ำตาลอมส้ม เช่นพันธุ์ระยอง 90

5 น้ำตาลอ่อน เช่นพันธุ์ระยอง 3 , ระยอง 7 , ระยอง 60

8. ลักษณะหูใบ ส่วนของโคนก้านใบที่ติดกับลำต้นมีหูใบ (stipule) มีรูปร่าง ขนาด และสีเฉพาะ ในพันธุ์ที่มีลักษณะอื่น ๆ ใกล้เคียงกันมาก อาจจำเป็นต้องใช้หูใบร่วม

พิจารณาในการระบุพันธุ์ด้วย

9. การมีขั้วของหัว (swollen knot at root base) สังเกตุได้ในระยะเก็บเกี่ยว

1. มีขั้ว เช่น พันธุ์ระยอง 72

2. ไม่มีขั้ว เช่น พันธุ์ระยอง 1 ระยอง 7 ระยอง 9 ระยอง 60 ระยอง 90 CMR 35-22-196 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80


10. สีผิวเปลือกชั้นนอกของหัว (colour of outer peel of root) สังเกตุได้ในระยะเก็บเกี่ยว

1. สีขาวครีม เช่นพันธุ์ระยอง 7 ระยอง 72

2. สีน้ำตาล เช่นพันธุ์ CMR35-22-196

3. สีน้ำตาลอ่อน เช่นพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 3 ระยอง 5 ระยอง 9 ระยอง 60 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60 ห้วยบง 80

4. สีน้ำตาลเข้ม เช่นพันธุ์ระยอง 90


11. สีเนื้อของหัว (colour of root fresh)

1. สีขาว เช่นพันธุ์ระยอง 1 , ระยอง 3 , ระยอง 5 , ระยอง 7 , ระยอง 72 , ระยอง 90 , CMR35-22196 , เกษตรศาสตร์ 50 , ห้วยบง 60 , ห้วยบง 80

2. สีขาวครีม เช่นพันธุ์ระยอง 60

ปุ๋ยที่ใช้กับมันสำปะหลัง

1. ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15  เป็นสูตรปุ๋ยเคมีที่ใช้กับมันสำปะหลังทั่ว ๆ ไป การให้ปุ๋ยกับมันสำปะหลังทางดิน อายุมันสำปะหลังตั้งแต่ 2 -4 เดือน เป็นช่วงที่เหมาะสมกับการใส่ปุ๋ยทางดิน สภาพดินที่ใส่ปุ๋ยมีความชื้นที่หน้าดินสูง การใส่ปุ๋ยในช่วงที่มีฝนตกชะหน้าดิน ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เป็นปุ๋ยเคมีที่ให้ธาตุอาหารสำหรับพืช คิดจากปริมาณน้ำหนักเป็นเปอ์ร์เซนต์ ธาตุไนโตรเจน 15% ฟอสฟอรัส 15% และธาตุโปรตัสเซียม 15% ความเหมาะสมของธาตุอาหารสามารถพัฒนาการให้กับมันสำปะหลังได้ทุกส่วน

2. ปุ๋ยเคมีสูตร21-4-21 เป็นสูตรปุ๋ยเคมีที่ใช้ใส่ให้กับมันสำปะหลังที่ผสมและดัดแปลงเพื่อให้กับมันสำปะหลังตามช่วงเวลาในการพัฒนาการเจริญเติบโต หรือตามความต้องการธาตุอาหารของมันสำปะหลังแต่ละช่วง  เป็นการจัดธาตุในช่วงแรกของการเจริญเติบโตโดยให้ธาตุไนโตรเจนที่สูงขึ้น และช่วงการสร้างหัวมันสำปะหลังเพิ่มธาตุ โปรตัสเซียมสูง ปุ๋ยสูตร 21-4-21 จะมีราคาต้นทุนที่สูงกว่า ปุ๋ยสูตร 15-15-15 แต่สภาพดินจะเสื่อมน้อยกว่า

3. ปุ๋ยเคมีแม่ปุ๋ยไนโตรเจน สูตร 46-0-0 หรือปุ๋ยยูเรีย เมาะสำหรับสภาพดินที่เป็นดินทราย การให้ธาตุอาหารแก่มันสำปะหลังได้เร็ว การเจริญเติบโตช่วงแรกได้ดี แต่ช่วงให้หัวมันน้อยกว่า การใช้ปุ๋ยยูเรียกับมันสำปะหลัง ต้องมีการบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น หรือต้องเปลี่ยนสูตรปุ๋ยตามช่วงเวลาในการพัฒนาของมันสำปะหลัง เพื่อเพิ่มธาตุโปรตัสเซียมช่วยบำรุงหัวมัน   

การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์  การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นการบำรุงโครงสร้างของดินเพื่อปรับความสมดุลย์ให้แก่โครงสร้างดิน ทำให้มันสำปะหลังได้รับธาตุอาหารจากดินได้สูง ธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีที่เติมลงดินจะได้รับการดูดซับจากหน้าดินได้ดี ธาตุไปเลี้ยงมันสำปะหลังได้ดี ปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีธาตุอินทรีย์บำรุงดินสูงาและมีธาตุอาหารบำรุงพืชอย่างเพียงพอ หากใช้ปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดินตามธรรมชาติ ได้แก่ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด หรือปุ๋ยที่เกิดจากการหมักของซากพืชและมูลสัตว์ ควรใส่ปุ๋ยในช่วยพักหน้าดิน หรือช่วงการเตรียมดินปลูกมันสำปะหลังจะได้ผลดี

การใช้ปุ๋ยน้ำทางใบร่วมกับปุ๋ยทางดิน ปุ๋ยทางใบส่วนใหญ่ตามขบวนการผลิต จากการผลิตเอง หรือการผลิตทางการค้า สำหรับการผลิตเองจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์(ปุ๋ยน้ำชีวภาพ) ได้จากการหมักซากพืชและซากสัตว์ จนได้น้ำหมักสกัดนำไปผสมน้ำรดตามโคนต้นมันสำปะหลัง จะให้ธาตุอาหารอินทรีย์ที่เป็นธาตุอาหารเสริมบำรุงพืชมากกว่าธาตุอาหารหลักทางดิน  อีกประเภทหนึ่งเป็นปุ๋ยทางใบที่ใช้ขบวนการสกัดธาตุอาหาร ขบวนการผลิตทางวิทยาศาสตร์ เป็นอะตอมมิคนาโน ธาตุอาหารพืชที่ได้จากการสกัดธาตุ จะสามารถใช้กับพืช โดยการฉีดพ่นทางใบ พืชสามารถดูดซับเข้าไปใช้ได้เร็ว เนื่องจากเป็นอะตอมธาตุเล็กที่แตกตัวสร้างเป็นอะมิโนพืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที่ ปุ๋ยน้ำทางใบนี้จะแบ่งเป็นประเภทฮอร์โมน (ธาตุส่วนใหญ่เป็นธาตุอาหารเสริมของพืช ปุ๋ยชนิดนี้ส่วนใหญ่สกัดได้จากสิ่งมีชีวิตเรียกว่าไบโอเทคออแกนิค)  อีกประเภทหนึ่งโดยการสกัดธาตุที่สมบูรณ์ สกัดจากธรรมชาติที่ได้ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม เรียกว่าธาตอาหารอะตอมมิกนาโนไบโอเทค) จะได้ธาตุอาหารบำรุงพืชอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยต้องประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรตัสเซียม ธาตุอาหารรอง กำมะถัน แม็กนีเซีย แคลเซียม และธาตุอาหารเสริม โบรอน เหล็ก สังกะสี ทองแดง มังกานีส โมลิดินัม และคลอรีน พืชสามารถดูดซับไปใช้ได้ทันทีหลังจากการฉีดพ่น เนื่องจากเป็นอะตอมธาตุขนาดเล็ก นาโนเทค และแตกตัวเป็นอะมิโนธาตุไปใช้เลี้ยงต้นพืช สามารถใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดินเพื่อเพิ่มผลผลิต และทดแทนปุ๋ยทางดินเพื่อลดอัตราเสื่อมของสภาพดิน การใช้กับปุ๋ยอินทรีย์จะทำให้สภาพดินมีความสมดุลย์ดีมาก

ปุ๋ยแนะนำสำหรับมันสำปะหลัง  ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15ให้แก่ต้นมันสำปะหลัง และเพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีทุกสูตร อาหารเสริมพืชแค็ปซูลนาโน yic +นาโนพลัส  เป็นฮอร์โมนอาหารเสริมของพืชลงหัว ใช้สำหรับเพิ่มขนาดและน้ำหนักแป้งในหัวมันสำปะหลัง ใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดิน และปุ๋ยทางใบ  นอกจากนี้ยังมีวิธีการกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีที่ไม่มีสารเคมีตกค้างในสภาพของดิน เชื้อราบิววาเรีย หรือเมธาไรเซียมกำจัดเพลี้ยแป้ง ดับเบิ๊ลอีเป็นสารอินทรีย์คุมไข่หนอนแมลง และไรซ์โกลด์ช่วยกำจัดเชื้อราที่ต้นและเชื้อราในดินได้ทุกชนิด

ปุ๋ยแค็ปซูลนาโน yic +นาโนพลัส มีประสิทธิภาพดีกว่ามากมายเพราะ ขนาดเท่าเม็ดแค็ปซูลยา 1 เม็ดผสมน้ำ 20 ลิตรแค่ฉีดผ่านพ่นเป็นละอองหมอกเท่านั้นพอ ไม่ต้องผสมให้ยุ่งยากอีกต่อไป และยังใช้ได้กับพืชทุกชนิด ราคาเม็ดละ 20 บาท(สมาชิก) ตังเหลือเห็นๆ เพราะ บริษัท วายไอซี อยากให้เกษตรกรร่ำรวยสะที เพื่ออนาคตลูกหลานที่ดีต่อไป

โรคต่างๆของมันสำปะหลัง

โรคใบไหม้ (Cassava Bacterial Blight : CBB)   (Brown Leaf Spot)

โรคใบจุดไหม้ (Blight Leaf Spot) 

โรคใบจุดขาว (White Leaf Spot) 

โรคลำต้นเน่าที่เกิดจากเชื้อรา (Stem Rot) 

โรคที่เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia theobromae 

โรคขี้เถ้าหรือราแป้ง (Cassava Ash Disease)

โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose) 

โรครากหรือหัวเน่า (Root and Tuber Rot Diseases

 

...บทความจากเรื่องมันสําปะหลัง ของกรมวิชาการเกษตร...