puideedee.com

มะลิ ไม้ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมที่สดชื่น ใช้ในงานต่างๆมากมาย ความต้องการในท้องตลาดสูง ปัจจุบัน ดอกมะลิจึงมีราคาสูงมาก แต่มะลิหากปลูกโดยใส่ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมีมากเกินไป บางครั้งเพื่อให้อยู่ทนนาน ก็ใส่สารให้เมื่อสูดดมก้ไม่ปลอดภัยกับร่างกายมนุษย์เรา (* รายงานฟอร์มาลิน กรุณาอ่านด้านล่าง)

มะลิ ชื่อวิทยาศาสตร์: Jasminum  อังกฤษ: Jasmine; อินโดนีเซีย: Melatiเป็นไม้พุ่มหรือไม้เถาในวงศ์มะลิ มีประมาณ 200 ชนิด มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในแถบทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ลักษณะดอกและกลิ่นมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดหรือพันธุ์

มะลิ ที่ใช้นาโน วายไอซีมาตลอด ส่วนดินใช้จากปุ๋ยขุ่ยไผ่ ไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมีเลย ไม่เคยมีโรคใดๆกวนใจเลย..

ลักษณะทางพฤษศาสตร์

มะลิมีทั้งชนิดผลัดใบและไม่ผลัดใบที่ลำต้นตั้งตรง กางออก หรือเป็นไม้พุ่มและไม้เถา ใบเรียงใบแบบตรงข้ามหรือเรียงใบแบบสลับ สามารถเป็นใบเดี่ยว มีสามใบ หรือเป็นแบบขนนกดดอกขาวมาก มีสีขาว หรือเหลือง บางชนิดมีสีแดงเรื่อ ดอกแบบช่อกระจุก หนึ่งกระจุกมีอย่างน้อย 3 ดอก บางชนิดเป็นดอกเดี่ยวที่ปลายแขนง แต่ละดอกมี 4 - 9 กลีบดอก ใบประดับรูปแถบหรือรูปไข่ วงกลีบเลี้ยงรูประฆัง ดอกมีกลิ่นหอม

การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย

มะลิมีถิ่งกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในพื้นที่ทวีปเอเชีย, ทวีปแอฟริกา, และออสตราเลเซีย มีประมาณ 200 ชนิด แม้ว่าจะไม่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป มะลิหลายชนิดได้ปรับตัวกลายเป็นพืชพื้นถิ่นในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น มะลิสเปน ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอิหร่านและทางตะวันตกของเอเชียใต้ และปัจจุบันได้กลายเป็นพืชท้องถิ่นในคาบสมุทรไอบีเรีย

 มะลิ” ดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมที่ทรงคุณค่า ใช้ในกิจการงานต่างๆมากมาย งานมงคลต่างๆ  เช่น งานแต่งงาน  ไหว้พ่อแม่ ครูอาจารย์ ยังใช้เป็นสัญลักษณ์แทนวันแม่มักนำมาร้อยเป็นมาลัยเพื่อบูชาพระ..ฯ  มะลิจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดี ผลิดอกได้ตลอดทั้งปีแม้ในประเทศเพื่อนบ้านของเราได้แก่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก็ให้ความสำคัญกับดอกมะลิมากโดยกำหนดให้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำชาติ

สรรพคุณและประโยชน์ ของดอกมะลิ 

ดอกและต้น แต่แทบทุกส่วนทั้งราก ใบ ก็เป็นประโยชน์ในแง่เป็นสมุนไพรใช้ รักษาโรค โดยรากของมะลิรักษาได้สารพัดดอกมะลิจัดเป็นยาในพิกัดเกสร 5, 7 , 9 ใช้ทั้งดอก เมื่อพิจารณาจากรสของยาถูกจัดเป็น “ยารสหอมเย็น” จึงมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้ชื่นใจ แก้อ่อนเพลีย ชูกำลัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ แต่อย่าใช้มากเกินไป เพราะจะแสลงกับโรคลมจุกเสียด แน่น  ดอกมะลิลา มีสรรพคุณ ที่ระบุในตำรายาไทย ใช้บำรุงหัวใจ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ทำจิตใจให้ชุ่มชื่น บำรุงครรภ์รักษา แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้เจ็บตา เนื่องจากมีรสฝาดสมาน จึงช่วยสมานท้อง แก้บิด แก้ปวดท้อง แก้แผลเรื้อรัง ผิวหนังเป็นผื่นคัน น้ำแช่ดอกสดบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น นำดอกสดตำใส่พิมเสน สุมหัวเด็กแก้ซาง แก้ตัวร้อน แก้หวัด ในตำรายาไทย มีการนำดอกมะลิ ผสมเข้าในตำรับยาหอม ที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำจิตใจให้ชุ่มชื่น แก้ลมวิงเวียน 

 ทางสุคนธบำบัด น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิ ใช้ในการกระตุ้นระบบประสาทสำหรับผู้ที่มีภาวะอ่อนล้าทางจิตใจ ง่วง เฉื่อยชา อ่อนเพลีย ช่วยปรับอารมณ์และสภาพสมดุลของจิตใจให้ดีขึ้น บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อบรรเทาอาการปวดศีรษะในผู้ที่มีความเครียด ความกลัว น้ำมันหอมระเหยสกัดจากดอกมะลิช่วยลดอาการซึมเศร้าทำให้จิตใจสงบเกิดความมั่นใจมองโลกในแง่ดีทำให้รู้สึกผ่อนคลายบรรเทาอาการหดเกร็งและความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและทำให้เกิดอารมณ์รักอีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวช่วยระงับพิษและบรรเทาอาการเป็นหวัดไอลดน้ำมูกแต่สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้หรือลดขนาดการใช้ลงจนกว่าจะใกล้คลอดเพราะจะทำให้คลอดง่าย

น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิ (absolute oil) จัดว่าเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดโลกและได้รับการขนานนามว่าเป็นKing of essential oils ส่วนกุหลาบเป็น Queen of essential oils  การสกัดน้ำมันหอมระเหยปริมาณ 1 กรัมต้องใช้ดอกมะลิจำนวนมากถึง 8,000 – 10,000 ดอก  

ตลาดต่างประเทศประเทศที่ไทยส่งออกพวงมาลัยดอกมะลิไปมากที่สุดเรียงตามลำดับคือสวิสเซอร์แลนด์สหรัฐอเมริกาเดนมาร์กเยอรมนีสวีเดนและเนเธอร์แลนด์ส่วนต้นมะลิส่งออกไปมากที่ประเทศญี่ปุ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรต์การ์ตาและคูเวตส่วนดอกมะลิส่งออกไปมากที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาเลเซียและเดนมาร์ก

นี่คือภาพล่าสุด ต้นมะลิ ก็ยังออกดอกตลอด ขาว และหอมมาก ไร้เคมีใดๆ ..ส่วนภาพวันที่ 25 มีค. 59 ต้นมะลิทิ้งใบ พอใช้นาโนฯ. มาฟื้น ก็ออกใบใหมเต็มต้น..

การผลิตมะลิให้ออกดอกมากสม่ำเสมอ

1. ตัดแต่งกิ่งรูปทรงสี่เหลี่ยมด้านเท่า (ลูกเต๋า) หรือสี่เหลี่ยมทรงสูงกำจัดวัชพืชแล้วใส่ปุ๋ยและรดน้ำตามทันทีหลังตัดแต่งกิ่งโดยใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีทางดินสูตร 16-16-8 สำหรับดินเหนียว 8-16-16 สำหรับดินทรายและ 15-15-15 สำหรับดินทั่วไปในอัตรา 50-120 กรัมต่อต้นขึ้นกับขนาดและความสมบูรณ์ของต้นหลังจากนั้นใส่เดือนละครั้งในฤดูร้อนและฤดูฝนเพื่อบำรุงต้นสำหรับในฤดูหนาวซี่งดอกออกน้อยและดอกมีขนาดเล็กควรใส่ปุ๋ยเคมีทางดินสูตร 15-15-15 สลับกับสูตร 12-24-12 ในอัตรา 50 กรัมต่อต้นทุก 2 สัปดาห์

2. ถ้าต้องการให้ตาดอกผลิออกมาได้พร้อมๆกันเป็นชุดควรฉีดพ่นสารโพแทสเซียมไนเตรทเข้มข้น 2.5 เปอร์เซ็นต์ (สาร 500 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร) พ่นในวันตัดแต่งกิ่งสารดังกล่าวเป็นทั้งปุ๋ยและสารทำลายการพักตัวของตา

สามารถกระตุ้นให้มะลิผลิตาได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์และใช้พ่นแทนปุ๋ยทางใบได้ทุก 20-40 วัน (ทุก ½ ถึง 1 รอบของการผลิตดอก) หรือหากใช้ปุ๋ยทางใบให้ใช้ปุ๋ยสูตรธาตุอาหารตัวกลางสูงเช่น 15-30-15, 17-34-17 เป็นต้น

3. การส่งเสริมพัฒนาการเกิดดอกและคุณภาพดอกโดยพ่นสารชะลอการเจริญเติบโตของมะลิได้แก่สารคลอมีควอทคลอไรด์ (CCC : ไซโคเซล) อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรหรือสารเมพิควอทคลอไรด์อัตรา 0.175 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรหลังวันตัดแต่งกิ่ง 10 วันมะลิจะสะสมอาหารในต้นมากขึ้นหลังฉีดพ่นและทำให้เพิ่มน้ำหนักดอกได้ถึง 17.4 เปอร์เซ็นต์

การป้องกันกำจัดหนอนเจาะดอกมะลิซึ่งระบาดมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวแนะนำให้ใช้สารกำจัดแมลงประเภทแบคทีเรียเช่นเดลฟินอัตรา 40-60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรหรือใช้สารเคมีอิมิดาโครปริดหรือฟิโปรนิลหรืออะบาเม็กตินพ่นทุก 5-7 วันในช่วงที่พบการระบาดและขณะนี้กรมวิชาการเกษตรกำลังศึกษาการใช้ไส้เดือนฝอยสไตเตอร์นีมาฉีดพ่นควบคุมหนอนเจาะดอกมะลิซึ่งหากประสบความสำเร็จจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้เกษตรกร

นพ.วิฑูรย์ เหลืองดิลก สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตรัง เปิดเผยว่า พวงมาลัยดอกไม้สดที่มีขายกันตามสี่แยกไฟแดง มีการแช่สารฟอร์มาลินในพวงมาลัย ทำให้ผู้ที่ซื้อพวงมาลัยสูดดมเข้าไปเกิดอาการวิงเวียนศีรษะในขณะขับรถ และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างพวงมาลัยดอกมะลิที่ขายในตลาดและบริเวณสี่แยกไฟแดงในเขตกรุงเทพฯ 27 ตัวอย่าง พบสารฟอร์มาลินทั้งในดอกมะลิสดและดอกมะลิที่ร้อยเป็นพวงมาลัย ถึงจำนวน 17 ตัวอย่าง อันตรายของฟอร์มาลิน เป็นสารเคมีที่มีความเป็นอันตรายโดยมีผลต่อระบบทางเดินหายใจวันที่ 29 เมษายน 2558