puideedee.com


ฟักทอง ( สคอวช ) (Cucurbita) (Pumpkin) ที่ใช้ แค็ปซูลนาโนของ วายไอซี จะทำให้ต้นโตเต็มที่ ใบใหญ่เขียวสด ได้พืชที่ปลอดสารพิษผลผลิตปลอดภัย นาโนจะมีองค์ประกอบของธาตุอาหาร NPK โบรอน,แมกนิเซียม,โมลาดิมั่น,สังกะสี และอื่นๆครบที่ต้นไม้ต้องการ วายไอซีเท่านั้น ผลผลิตเพิ่มได้จริง ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีร่วมก็เพียงเล็กน้อย ได้ดินดีกลับคืน ไม่ต้องพักดินนาน บำรุงแล้วปลูกต่อได้เลย ฟักทองปลอดสารพิษที่เก็บไปแล้ว ไม่พอขาย ด้วยเกษตรผสมผสานทฤษฏีใหม่ เป็นการส่งเสริมเกษตรพอเพียงกับการใช้นาโน­อินทรีย์ชีวภาพในปัจจุบัน ต้องประหยัดและได้ผลผลิตสูง สภาพแวดล้อมดีๆ ก็กลับมา ที่ทำให้ลดการใช้เคมีลงเกินครึ่ง

ในพืชยืนต้น ส่วนพืชกินใบในบางที่ ไม่ต้องใช้เคมีเลย แต่ผลผลิตกับสุดยอด แถมได้ดินดีกลับคืนมาเพราะ มีฮิวมิคแอซิคทำให้ดินร่วนซุย และสารคีเลตที่ทำให้สารเคมีในดินที่ตกค้าง ได้นำมาใช้ให้พืชได้โต เร่งรากเร่งดอก ไม่ต้องใช้สารเร่ง หรือสารจับใบใดๆเลย..นาโนเอาอยู่ กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ คือจุดเริ่มต้นที่ดี ตามแนวพ่อหลวง ใช้อาหารเสริมเต็มสูตรสุดยอดราคาถูกมากๆที­่ใช้ได้ผลแน่นอน ใช้กับพืชได้หมดทุกชนิด อาหารพืชนาโนวายไอซีเป็นอินทรีย์ชีวภาพ ไร้เคมีไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่ลดต้นทุน­เพิ่มผลผลิตสูงขั้วเหนียว ทนแล้ง ทนหนาว สามารถฟื้นฟูจากการชะงักงันของ น้ำท่วม ร้อนจัดหนาวจัดได้ ทำให้ดินดี และวายไอซี ยังเป็นเจ้าแรกที่นำเข้าจากแคนนาดา  บริษัทมีเว็ปไซด์ สามารถตรวจสอบได้ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่บิกซี ชั้น 3 ลาดพร้าว 81 เชิญติดต่อที่ทีมงานเราได้ทุกเมื่อ.ดูข้อม­ูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์นาโน*โทร.089-270-2607 ต้นไม้โกหกไม่เป็น ครับ..

 

 

การปลูกฟักทอง

 1. การเพาะกล้า

 - เตรียมดินเพาะกล้า อัตราส่วนดิน : ปุ๋ยคอก 2:1 คลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ในถาดหลุมเพาะเมล็ด เพื่อเตรียม หยอดเมล็ดต่อไป

 - การเตรียมเมล็ดพันธุ์ นำเมล็ดแช่น้ำอุ่น อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียล ประมาณ ½ ชั่วโม วางใน อุณหภูมิห้อง หลังเมล็ดงอกมีรากยาวประมาณ 0.5 ซม. จึงนำไปเพาะต่อไป

 - นำเมล็ดที่เตรียมไว้หยอดลงแต่หลุมเพาะเมล็ด 1 เมล็ด/หลุม กลบดินประมาณ 1 ซม.

 - นำถาดเพาะกล้าไปใว้ในบริเวณที่ไม่มีแดดจัด หรือมีวัสดุพลางแสง รดน้ำทันทีด้วยบัวฝอย หมั่นตรวจดู ความชื้น โรค แมลงศัตรูพืช และให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ

 - เมื่อมีใบจริง 3-4 ใบ ย้ายปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ ระยะปลูกตามความเหมาะสมของแต่ละพืช คลุมด้วย ฟาง รดน้ำให้ชุ่มพร้อมทำค้างทันที

 

2. การหยอดเมล็ด

 - เมื่อเตรียมดินและหลุมปลูกแล้ว หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ด กลบดิน คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม พร้อมทำค้าง ทันที

 การให้ปุ๋ย

- ใส่ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ระหว่างเตรียมดิน และช่วงออกดอก อัตรา 30-50 กก./ไร่

- ใส่ปุ๋ย 46-0-0 เมื่อกล้ามีอายุ 7-15 วัน อัตรา 30 กก./ไร่

- ใส่ปุ๋ย 13-13-21 เมื่อติดผล อัตรา 30 กก./ไร่

โดยโรยสองข้างของแถวปลูก พรวนดินกลบและให้น้ำตามทันทีโดยสม่ำเสมอ

หมั่นตรวจแปลงเพื่อดูการเข้าทำลายของแมลงเมื่อพบสามารถป้องกันการเข้าทำลายของแมลงด้วยการฉีดพ่นสาร สกัดจากผลสะเดา หรือน้ำส้มควันไม้ หากระบาดมากอาจฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช

 โรคที่สำคัญ  -   โรคราน้ำค้าง,ราแป้ง,โรคเหี่ยว,โรครากเน่าโคนเน่า

 แมลงที่สำคัญ - ด้วงเต่าแตง, แมลงหวี่ขาว,เพลี้ยอ่อน,เพลี้ยไฟ,แมลงวันทองหรือแมลงวันแตง

 - ฟักทอง อายุประมาณ 80-90 วันหลังเมล็ดงอก

 - ฟักเขียวหรือแฟงอายุประมาณ 60-70 วันหลังเมล็ดงอก

 - ฟักทอง อายุประมาณ 80-90 วันหลังเมล็ดงอก

 - ฟักเขียวหรือแฟง อายุประมาณ 60-70 วันหลังเมล็ดงอก

 โดยสังเกตสีเปลือก สีกลมกลืนเป็นสีเดียวกันดูนวลขึ้นเต็มผล การเก็บควรเหลือขั้วติดไว้ด้วย เพื่อช่วยให้เก็บรักษา ได้นานขึ้น

 - บวบ อายุประมาณ 40-45 วันหลังปลูก โดยเก็บผลที่มีขนาดพอเหมาะไม่อ่อนหรือแก่เกินไป โดยเก็บเกี่ยวให้มี ขั้วบวบติดมากับผลด้วย

 - แตงกวา อายุประมาณ 30-40 วันหลังปลูก ควรเก็บขณะที่ผลยังอ่อน สังเกตได้จากมีนวลสีขาวเกาะและยังมี หนามอยู่บ้าง

 **  จัดทำโดย กลุ่มส่งเสริมการผลิตผัก    กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

 ฟักทอง(สควอช มีจุดกำเนิดในอเมริกากลาง แล้วแพร่กระจายไปทั่วโลกภายหลังฟักทองเข้าสู่ญี่ปุ่นโดยพ่อค้าชาวโปรตุเกสเมื่อราว พ.ศ. 2083 โดยนำมาจากกัมพูชา ฟักทองแบ่งเป็นตระกูลหลักสองตระกูลคือ ตระกูลฟักทองอเมริกัน (pumpkin) ขนาดผลใหญ่ เนื้อยุ่ย กับตระกูลสควอช (Squash)

ฟักทองเป็นไม้เถาเลื้อยไปตามดิน ถือเป็นพืชในตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ มีมือสำหรับยึดเกาะ  ผิวผลขณะยังอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะแล้วจะมีสีเขียวสลับเหลือง ผิวไม่เรียบขรุขระเปลือกมีลักษณะแข็งเนื้อในสีเหลือง มีเส้นใยอยู่ภายในเป็นสีเหลืองนิ่มพร้อมกับเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่ ลำต้นอวบน้ำ ใบเดี่ยวรูปห้าเหลี่ยม มีขนทั้งสองด้าน ดอกสีเหลืองรูปกระดิ่ง ผลฟักทองมีด้วยกันหลายลักษณะ บางครั้งเป็นผลเกือบกลมก็มี แต่โดยทั่วไปเป็นรูปทรงกลมแป้น ผิวขรุขระเล็กน้อย เมื่อยังดิบเนื้อค่อนข้างแข็ง


พันธุ์ฟักทอง

ฟักทองไทยและฟักทองญี่ปุ่น เปลือกแข็ง เนื้อแน่น ฟักทองไทยมีหลายสายพันธุ์ เช่น คางคกดำ คางคกลาย ศรีเมือง ข้องปลา สีส้ม รูปร่างกลมแป้น ผิวขรุขระเล็กน้อย ดิบเปลือกสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจึงเป็นสีเหลืองอมส้ม ฟักทองญี่ปุ่น หรือกะโบะชะ อยู่ในตระกูลสควอช เช่นเดียวกับฟักทองไทย ผลเป็นทรงกลมขนาดเล็ก เนื้อแน่น รสหวานมัน

ฟักทองนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น พายฟักทอง ซุปฟักทอง เทมปุระ แกง กินกับน้ำพริก น้ำฟักทองคั้นสด มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด เมล็ดฟักทองมีสารคิวเคอร์บิทีน ช่วยขับพยาธิตัวตืด ใช้เป็นอาหารว่าง น้ำมันจากเมล็ดฟักทองนิยมใช้ปรุงอาหารในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง ยอดฟักทองใช้รับประทานเป็นฝัก รากฟักทองนำมาต้มดื่มช่วยถอนพิษจากแมลงกัดต่อย 

ฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและสารต่อต้านการผสมกับออกซิเจนกับเกลือแร่ และมี “กรดโพรไพโอนิก” กรดนี้ทำให้เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลง ในเนื้อฟักทองมีแคโรทีนและแป้ง ใช้แต่งสีขนมเช่น ขนมฟักทอง ลูกชุบ

  

ฟักทอง (Cucurbita) เป็นพืชผักวงศ์แตงที่มีคุณค่าทางอาหารและยาสามารถปลูกได้ตลอดปีในทุกภาคของประเทศไทยเนื้อและเมล็ดในรูปอาหารเพื่อสุขภาพหรือเป็นยาเนื้อฟักทองประกอบด้วยโปรตีนร้อยละ 25 ไขมันร้อยละ 7 และคาร์โบไฮเดรทร้อยละ 68 ของน้าหนักแห้งมีวิตามินเอและวิตามินฟักทองเป็นแหล่งของสารแคโรทีนอยด์เบต้า-แคโรทีนที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอทำให้ตามองเห็นในที่มืดสลัวได้ดีปกป้องผิวหนังจากรังสีอุลตร้าไวโอเลทจากแสงแดดและสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidants) ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งนอกจากนี้ฟักทองยังมีสารโฟเลท (folate) และกรดแกมม่าอะมิโนบูไทรวมทั้งสารประกอบที่มีฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเช่น polysaccharide, para-aminobenzoic acid, sterol, protein และ peptide จึงมีการนาฟักทองมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิด

 

ฟักทองมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยามากมายเช่นฟักทองมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้าตาลในเลือดสารสาคัญในฟักทองที่มีผลทาให้น้าตาลในเลือดต่าคือโพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide) น้ามันจากเมล็ดและโปรตีนจากเมล็ดที่เริ่มงอกโดยโพลีแซคคาไรด์ในฟักทองสามารถเพิ่มปฏิกิริยาของสารต้านอนุมูลอิสระ SOD และ GSH-Px และลดปริมาณ MDA ในเซรุมของหนูที่เป็นก้อนเนื้อได้โพลีแซคคาไรด์จากเนื้อฟักทองที่มีน้ำตาล 8.5 % มีความสามารถในการทาให้น้าตาลในเลือดต่าน้อยกว่าที่ได้จากฟักทองที่มีน้ำตาล 4.3 % ยังพบว่าในแป้งฟักทองทั่วไปและแป้งที่สกัดน้าตาลออกแล้วสามารถลดปริมาณน้าตาลกลูโคสในเลือดและเพิ่มอินซูลินในพลาสมาจึงช่วยป้องกันภาวะการมีน้าตาลในไตสูงได้การให้อาหารเสริมที่ประกอบด้วยฟักทองผงแก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินช่วยลดความเข้มข้นของกลูโคสในเลือดลงอย่างยิ่งการดื่มน้าฟักทองช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดแป้งฟักทองมีสารพรีไบโอติคส์เป็นสารที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆเช่นโรคเบาหวาน (diabetes mellitus) โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (cardiovascular diseases) ท้องผูก (constipation) ริดสีดวงทวาร (hemorrhoids) และโรคมะเร็งลำไส้ (colon cancer)   น้ำมันเมล็ดฟักทองช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูง (hypertension) และโคเลสเตอรอลในเลือดสูงได้(hypercholesterolemia) และมีผลในการช่วยลดการอักเสบของข้อต่อได้ (arthritis) โพลีแซคคาร์ไรด์สกัดจากเนื้อฟักทองและโปรตีนสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์การต้านโรคมะเร็งผิวหนัง (melanoma) ฤทธิ์ต้านการเกิดเซลล์เนื้องอกชนิดเออร์ลิชแอลไชติส (ehrlich ascites tumer cell) และมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย (leukaemia) น้ำฟักทองมีคุณสมบัติในการต้านการเปลี่ยนแปลงของยีนส์ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดเนื้องอกได้น้ำฟักทองที่ผ่านการต้มให้ความร้อน ช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็งที่ลาไส้ใหญ่ได้ (aberrant cells) โปรตีนสกัดจากเมล็ดฟักทองช่วยชะลอการกระจายตัวของมะเร็งผิวหนัง (melanoma proliferation)

  

 ใบใหญ่มากๆทำให้สร้างเนื้อฟักทองได้ดี ส่งผลให้ฟักทองมีขนาดใหญ่น้ำหนักดีตามไปด้วย ลูกสวยไม่บิดเบี้ยวผิวงาม โตไวเก็บผลผลิตก่อนปกติ

ปี 2548 มีผู้บริโภคในโลกมีการซื้ออาหารเสริมมารับประทานคิดเป็นมูลค่าประมาณ 17.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ในทางยา23.6 %  ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ (functional foods) ของโลกในปีพ.ศ. 2554 มีมูลค่าเป็น 167 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในประเทศไทยปี 2553 มี 2,000 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นประเภทผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคมะเร็งโรคเบาหวานผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยอาหารและเพิ่มความสวยงามในร่างกายจึงมีการนาเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

  

ใช้นาโน วายไอซี แล้วใบจะเป็นเงา สีเขียวสดผลออกเร็วแตกยอดดี เนื้อแน่น ไม่บิดเบี้ยวแข็งแรง ไร้แมลงกวนเพราะไม่มีส่วนของเคมี เก็บผลผลิตไวกว่าใครๆ