อินทรีย์ชีวภาพขนุนดกผลใหญ่นาโนของป้าแดง.. ตลาดโก้งโค้ง บางปะอิน อยุธยา
จาก 3 ลูก เป็น 30 ลูก ปีแรกที่ใช้ ปีนี้ 2560 เป็น 40 ลูก..
ข้อมูลขนุน โรคต่างๆ..และการใช้แค็ปซูลนาโนอินทรีย์ชีวภาพ..กับความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมทั้งอัตราส่วนวิธีการใช้ให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ .อยู่ส่วนล่างของหน้านี้..
มะละกอ
เป็นไม้ผลที่ชอบดินร่วนปนดินทราย ดินเหนียวปนดินร่วน หรือดินร่วนที่ มีการระบายนํ้าดี มีอินทรีย์วัตถุมาก ไม่ชอบนํ้าขัง และควรมีหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร
มีใบหยักเขียวคล้ายรูปดาว สูงประมาณ 1-10 เมตร แล้วแต่พันธ์ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร
วิธีเพาะเมล็ดมะละกอ
1.การเพาะเมล็ดลงแปลงเพาะหรือกะบะเพาะแล้วย้ายลงถุง โดยเตรียมแปลงเพาะกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 3-5 เมตร ให้ความยาวแปลงอยู่ในแนวทิศเหนือใต้ ย่อยดินให้ละเอียดและผสมปุ๋ยคอกประมาณตารางเมตรละ 2 กิโลกรัม คลุกเคล้าปุ๋ยคอกกับดินที่ย่อยแล้วให้เข้ากัน แล้วยกเป็นรูปแปลงสูงจากระดับดินเดิม 15 ซม. แล้วใช้ไม้ขีดทำ ร่องแถว ตามความกว้างของแปลงลึกประมาณ 1 ซม. ให้แถวห่างกัน 25 ซม. จากนั้นโรยเมล็ดมะละกอลงในร่องแถวให้ห่างกันพอประมาณ จนตลอดแปลง หลังจากนั้นจึงรดนํ้าให้ชุ่ม ผสมด้วยยาฆ่าแมลงเพื่อกันมดคาบเมล็ดไป อาจใช้เซฟวิน85 หรือ S-85 ก็ได้ และรดนํ้าให้ชุ่มทุกวันเช้า-เย็น-เมื่อต้นกล้ามีใบจริงได้ 2-3 ใบ หรือประมาณ 21-25 วัน หลังจากเพาะให้ย้ายกล้าลงถุงพลาสติกขนาด 5 x 8 นิ้ว ถุงละ 1 ต้นตั้งเรียงไว้ในที่ร่มมีแสง 50% ฉีดยาพ่นป้องกันโรคแมลง และให้ปุ๋ยเช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดลงถุงโดยตรง
2.การเพาะเมล็ดลงกะบะพลาสติกก็ปฏิบัติคล้ายๆกัน โดยเอากระดาษหนังสือพิมพ์รองก้นตะกร้าพลาสติก แล้วใส่ดินผสมเช่นเดียวกับที่เตรียมสำ หรับเพาะในถุงลงไปเกลี่ยผิวหน้าดินให้เรียบ ทำ ร่องแถวเพาะห่างกันประมาณ 10 ซม. แล้วนำเมล็ดมะละกอหยอดลงไป รดนํ้าซึ่งผสมยากันมดให้ชุ่ม รดนํ้าให้ชุ่มทุกวันเช้า-เย็น เมื่อกล้ามีใบจริงแล้วจึงย้ายลงถุงต่อไป และเมื่อต้นกล้าในถุงแข็งแรงดีแล้ว จึงนำไปปลูก
ระยะเวลาการเพาะ
ใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำ หรับการเพาะกล้ามะละกออยู่ในช่วงกลางเดือน มกราคม สามารถย้ายกล้าปลูกได้ในราวกลางเดือนมีนาคมและจะเริ่มเก็บผลได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม
ไร่มะละกอ ใช้ วายไอซี แค็ปซูลนาโน ที่คุณสมนึกลองใช้เล่นๆแต่ได้ผลเริดเกินคาด ซึ่งที่ใกล้เคียงกันบอกแล้วไม่เชื่อที่จะใช้
ยอมให้ต้นมะละกอตาย ไม่ยอมเปิดใจ สุดท้าย มะละกอใบเหลือง ตายทั้งสวน
มะละกอที่บ้านคุณไช่ ยอดเทียน ดก ลูกใหญ่ เนื้อแน่นหวาน สีสวย
มะละกอเป็นพืชที่มีดอก 3 ชนิดอยู่คนละต้น คือ
ต้นตัวผู้ จะมีดอกตัวผู้ล้วนเป็นจำ นวนมากอยู่บนก้านช่อยาวที่แตกแขนง ถ้าพบควรตัดทิ้งเพราะไม่ให้ผล หรือให้ผลได้ก็ไม่สามารถจำ หน่ายได้คุ้มค่าเท่าต้นตัวเมีย หรือต้นสมบูรณ์เพศ
ลักษณะดอกเพศผู้ไม่ให้ผล
ต้นตัวเมีย จะมีแต่ดอกเพศเมียเท่านั้น ดอกจะออกจากส่วนมุมด้านใบติดลำ ต้นเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อ รังไข่มีรูปร่างป้อม ให้ผลค่อนข้างกลม ช่องว่างในผลมีมากจึงไม่ค่อยนิยมเช่นกัน ลักษณะดอกเพศเมียที่ให้ผลค่อนข้างกลม
ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนวายไอซี เป็นของจริงมันหลอกกันไม่ได้ การใช้ แค็ปซูลนาโนอินทรีย์ชีวภาพเพื่อแก้ปัญหาดินเสื่อมจากการใช้ปุ๋ยเคมีจำนวนมากจนดินเสียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพืชสร้างรายได้ดีแค่ฉีดพ่นทางใบหรือลำต้น ทำให้แตกก้าน+ใบได้ดี ผลพวงออกสวย ขั้วเหนียวทนแล้ง (ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ 50% หรือใส่ปุ๋ยขี้วัวแทนเคมีไปเลยก็ได้) ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนคืออาหารพืชที่สกัดสูตรเข้มขัน ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมของพืช ธาตุอาหารหลักของพืชได้แก่ ธาตุไนโตรเจน ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโปรตัสเซียม ธาตุอาหารรองได้แก่ ธาตุแม็คนีเซียม ธาตุแคลเซียม และธาตุอาหารเสริมพืช ได้แก่ ธาตุโบรอน ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี มังกานีส เป็นต้น ซึ่งมีธาตุอาหารครบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเพิ่มอีกเลย ราคาก็แสนถูก ..แล้วคุณจะติดใจ
ใช้นาโน วายไอซี แล้วใบจะมันเป็นเงา สีเขียวสดผลออกเร็วแตกยอดดี แข็งแรง ไร้แมลงกวนเพราะไม่มีส่วนของเคมี ทำให้แมลงไม่กวน เชื้อราไม่กิน
เพลี้ยไฟ
เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กมาก มี 6 ขา มีลำ ตัวแคบยาว สีเหลืองซีด เมื่อโตเต็มที่มีปีกยาวบนหลังจึงบิดได้และปลิวไปตามลมได้ด้วย มักพบระบาดในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้น ฤดูแล้ง อาการที่พบใต้ผิวใบจะแห้งเหี่ยว โดยเฉพาะเส้นกลางใบหรือขอบใบแห้งเป็นสีนํ้าตาลถ้าเป็นกับผลทำ ให้ผลกร้านเป็นสีนํ้าตาล ในฤดูฝนจะไม่ค่อยพบ ถ้าพบอาจใช้นํ้าฉีดพ่นแรงๆ ให้หล่นไป หรือใช้ยาฆ่าแมลงพวกไดเมชโซเอท หรือโมโนโครดตฟอส ฉีดพ่น 2-3 ครั้งทุก 5-7 วัน
ไรแดง
เป็นสัตว์ขนาดเล็กมี 8 ขา จะทำ ให้ผิวใบจะไม่เขียวปกติเกิดเป็นฝ้าด่าง ถ้าดูใกล้ๆ จะพบตัวไรสีคลํ้าๆ อยู่เป็นจำ นวนมาก เดินกระจายไม่ว่องไว หรืออาจเห็นคราบไรสีขาวกระจายอยู่ทั่วไป แมลงศัตรูธรรมชาติคือด้วยเต่าเล็ก ตัวดำ ลำ ตัวรี ตัวอ่อนด้วงเต่าก็กินไรได้ดี
ลักษณะของใบมะละกอที่ถูกไรแดงทำลาย
ถ้ามีไรระบาดมากให้ใช้ยากำ จัดไรพวกไดโดโฟล เช่น เคอเรน ไดโคล ฯลฯ ในอัตรา30-40 ซีซี ผสมนํ้า 20 ลิตร ฉีดพ่น
แมลงวันทอง
แมลงวันทองเป็นแมลงที่ทำ ลายผลไม้หลายชนิด โดยจะวางไข่ที่ผลขณะแก่ ทำ ให้หนอนที่ฟักเป็นตัว ทำ ลายเนื้อของผลเสียหาย เมื่ออยู่บนต้นหรือในขณะบ่มผลแมลงวันทองจะระบาดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดินชื้นตัวเต็มวัยจะขึ้นจากดินมาผสมพันธุ์กัน และวางไข่ได้หลายจิด ช่วงที่ทำ ความเสียหายให้กับเกษตรกรมากที่สุดคือ ระยะที่เป็นตัวหนอน มักจะพบในมะละกอสุกทำ ให้ผู้บริโภคเสียความรู้สึกในการรับประทาน
การป้องกัน
ทางป้องกันคือ เก็บผลมีสีเหลืองที่ผิว 5% ของพื้นที่ผิวผล ไม่ปล่อยให้สุกคาต้น ร่วมกับการใช้มาลาไธออนฉีดพ่นทำ ลายตัวเต็มวัย และล่อตัวผู้ด้วยเมธธิลยูจีนอล ผสมยาฆ่า แมลงพวกมาลาไธออน อัตรา 1:1 หรือห่อผลด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือเก็บผลที่เน่าเสีย เนื่องจากแมลงและโรคออกจากแปลงปลูกฝังดินลึกๆ หรือเผาไฟ
เพลี้ยอ่อน
เพลี้ยอ่อน เป็นแมลงดูดที่สำ คัญชนิดหนึ่งในมะละกอ สันนิษฐานกันว่าเป็นตัวถ่ายทอดโรคใบด่างเหลืองที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งโรคนี้พบว่ากำ ลังเป็นกับมะละกอในแหล่งผลิต ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
โรคใบด่างของมะละกอ
อาการที่เกิดกับต้นกล้ามะละกอจะแสดงอาการใบด่างผิดปกติ ใบมีขนาดเล็กลง สีซีดต่อมาใบร่วงและทำ ให้ต้นตายสำ หรับต้นที่โตแล้ว จะแสดงอาการโดยใบยอดเหลืองซีด ใบมีขนาดเล็กลง ก้านใบสั้น ใบด่างสีเหลืองสลับเขียว ส่วนต้นหรือก้านใบจะพบจุดหรือขีดสีเข้ม มะละกอจะให้ผลผลิตน้อยหรือไม่ได้ผลเลย สาเหตุเกิดจากเชื้อปาปายาริงสปอทไวรัส ถ้าพบว่าเป็นโรคต้องโค่นทิ้งและไม่นำ มีดที่มีเชื้อไปตัดต้นดีเพราะจะทำ ให้เชื้อแพร่กระจายไปได้และฉีดพ่นยาป้องกันเพลี้ยอ่อนหรือเพลี้ยอื่นๆ บางชนิด เช่น เพลี้ยไก่ฟ้า ไม่ให้มาดูดกินนํ้าเลี้ยงจากต้นมะละกอที่ปกติ นอกจากนี้อาจใช้พันธุ์ต้านทานปลูกก็ได้
โรคราแป้ง ลักษณะอาการ
อาการปรากฏบนใบและบนผลที่มีสีเขียว เกิดคราบฝุ่นของเชื้อราเป็นขุยสีขาวๆคล้ายแป้งที่บนใบ ก้านใบ และผล ใบอ่อนที่ถูกทำ ลายจะร่วงหรือใบเสียรูป ยอดชะงักการเจริญเติบโต ผลอ่อนมากๆ ถ้าเป็นโรคผลจะร่วง แต่ถ้าเป็นกับผลโตผลจะไม่ร่วงยังเจริญเติบโตได้ แต่ผิวจะกร้าน และขรุขระไม่น่าดู ส่วนที่ก้านนั้นมีสีเทาจาง ๆ แผลจะมีขอบเขตไม่แน่นอน
สาเหตุของโรคและการแพร่ระบาด
โรคนี้มีสาเหตุเกิดจากเชื้อรา Oidium sp. โดยเชื้อราจะสร้างสปอร์ปลิวไปตามลมแพร่ระบาดไปได้ไกล ๆ โรคนี้มักจะเกิดในปลายฤดูฝนหรือต้นฤดูหนาวอาการใบด่างของมะละกอที่ถูกเชื้อไวรัสเข้าทำลาย
การป้องกันกำจัด
ควรพ่นด้วยสารป้องกันกำ จัดโรครา เช่น เบโนมีล 10 กรัมต่อนํ้า 20 ลิตร หรือไดโนแคพ 20 กรัมต่อนํ้า 30 ลิตร
โรคโคนเน่าลักษณะอาการ
อาการของโรคพบทั้งที่ราก และโคนลำ ต้น อาการเน่าที่โคนต้นจะเน่าบริเวณระดับดิน แผลจะลุกลามมากขึ้น และจะปรากฏอาการที่ใบทำ ให้ใบเหี่ยวและเหลือง ยืนต้นตายหรือล้มได้ง่ายที่สุดเพราะเมื่อโคนลำ ต้นเน่า ก็หมายถึงภายในเนื้อเยื่อจะเน่าเละหมด ไม่มีส่วนแข็งแรงที่จะทรงตัวอยู่ได้
ขนุน กับ นาโน วายไอซี
คุณไข่..เขาย้อย จ.เพชรบุรี ..ใช้นาโนวายไอซี จากติดแค่ 3 ลูกแล้วล่วงหล่น กลับออกเต็มต้น..ไม่ล่วงหล่นอีกเพราะใช้นาโน วายไอซี ใช้แล้ว นอกจากผลออกดก แล้วยังขั้วเหนียวอีก สุดยอดนวัตกรรม เทคโนโลยีล้ำยุค..
สาเหตุของโรคและการแพร่ระบาด
โรคโคนเน่าเกิดจากเชื้อ Phytophthora plamivora พบเป็นมากในฤดูฝน เชื้อราเป็นพวกเชื้อราในดิน เมื่อมะละกอเจริญเติบโต เชื้อรานี้จะแพร่ระบาดได้รวดเร็ว เมื่อมีความชื้นสูงโดยสปอร์จะไหลไปกับนํ้าเข้าทำ ลายต้นอื่น
การป้องกันและกำจัด
ถ้าหากมีนํ้าท่วมขังชื้นแฉะจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคนี้ได้ง่าย การจัดระบบปลูกให้มี การระบายนํ้าที่ดีจึงเป็นสิ่งจำ เป็น ฉะนั้น เมื่อปรากฏอาการของโรคควรถอน ขุดทำ ลาย ถ้าตรวจพบว่าโรคนี้เริ่มเข้าทำ ลายก็ควรรดด้วยสารเคมี เช่น เมธาแลคซีล 20 กรัมต่อนํ้า 20ลิตร ฟอสเอ็ทธิลอลูมินั่ม 40 กรัมต่อนํ้า 20 ลิตร
โรคแอนแทรคโนส ลักษณะอาการ
อาการที่ผลอ่อนจะเกิดจุดและเน่าเสียหาย ส่วนที่ผลแก่จะเกิดจุดแผลสีนํ้าตาลลุกลามเป็นวงกลม เมื่อผลใกล้สุกมีความหวานมากขึ้น และเนื้อเริ่มนิ่มอาการของโรคจะยิ่งลุก ลามรวดเร็วและเป็นรุนแรง ลักษณะอาการที่เห็นได้ชัดคือแผลกลมนุ่ม และเป็นวงซ้อน ๆกัน เป็นได้ทั้งบนต้นและในระหว่างบ่มตลอดจนในช่วงวางขายในตลาด
ข้อมูลอาหารเสริมพืช แค็ปซูลนาโน วายไอซี นาโนพลัส ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศแคนนาดา
ส่วนประกอบ :
-สารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากโมเลกุลของสารหลายชนิดรวมกัน ฮิวมิค แอซิดไม่น้อยกว่า50%โปตัสเซียม8% ทำให้กลับมาเป็นดินดี
-สารผสมเข้มข้นของสารประกอบ คาร์โบไฮเดรตหลายชนิดกับธาตุอาหารเสริมในรูปของสารดีเลต ช่วยนำสารเคมีที่ตกค้างมากลับให้พืชใช้ได้เกือบหมดสิ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้รวดเร็วดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีไคโตซาน ช่วยทำให้ขั้วเหนียว ดอกและผลที่ออก ไลอการล่วงหล่นจากขั้ว..นอกจากนี้ นาโนชนิดน้ำฮอร์โมน ยังมีสารที่พืชต้องการครบครันที่จำเป็น ทำให้พืชเพิ่มสารคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มแป้งและน้ำตาลให้พืชได้โดยตรง เพิ่มผลให้ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีสมบูรณ์ แข็งแรง หากพืชประสบปัญหาชะงักงัน เช่นร้อนจัด หนาวจัด หากใช้ ตั้งแต่เพาะเมล็ด พืชจะฟื้นตัวได้รวดเร็ว..หลังเกิดภาวะชะงักงัน..
คุณสมบัติ และวิธีการใช้นาโนอาหารพืชที่ถูกต้องได้ผล
- พืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว ข้าวโพด ฯลฯ ผสม yic นาโน1 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 15 วัน
- พืชผักสวนครัว เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เห็ด ฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูล ต่อน้ำ 40 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7-15 วัน
- ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กล้วยไม้ ดาวเรือง กุหลาบฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูลต่อน้ำ 50 ลิตร พ่นทุก 7 วัน
- พืชยืนต้นหรือ ผลไม้ เช่น ยาง ปาล์ม ลำใย เงาะ มะม่วง มะนาว องุ่น ทุเรียน ลิ้นจี่ ลองกอง ฯลฯผสม yic 1-2 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 15-30 วัน
- ใช้ปรับสภาพดิน ละลาย yic แค็ปซูล 3 แค็ปซูล ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วราดลงพื้นดิน
- ผสมปุ๋ยเม็ดคลุกเคล้า 50 แค็ปซูล/ปุ๋ยเม็ด 1000 กก. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
สนใจ ติดต่อสอบถาม นนท์ศูนย์เกษตรนาโน โทร. 0089-270-2607