ข้าวโพดปลูกกี่วัน ใช้ดินอะไร ใช้ปุ๋ยอย่างไร ปลูกเดือนไหน ใช้พันธ์อะไรดี สรรพคุณและประโยชน์ ข้อควรระวัง
ข้าวโพดช่วยสร้างรายได้ ก็จริงหากจะปลูกก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องรู้ โดยเฉพาะตอนที่รับซื้อ มักทำให้เกษตรกรเสียเปรียบมาหลายรายแล้ว
ประธานชุมชน คุณ วาสนา.. ทับคาง เขาย้อย..เพชรบุรี..กับข้าวโพด ใช้น้ำน้อย.
คุณตุ็ก เกษตรกร ปลูกข้าว ข้าวโพด ป่ากล้วย จังหวัด อุตรดิตถ์
ติดต่อสอบถามที่ นนท์ศูนย์เกษตรนาโน โทร.089-270-2607
ชนิดของข้าวโพด โดยทั่วไปข้าวโพดจัดออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
1.ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือข้าวโพดไร่ (Field Corn) ปลูกกันมากใน ประเทศสหรัฐอเมริกา สีของเมล็ดมีตั้งแต่ขาวไปจนถึงเหลือง เนื่องจากมีหลายสายพันธุมีโปรตีนน้อยกว่า ภายในเมล็ดมีสารที่ทำให้ข้าวโพดมีสีเหลืองจัดเป็นสารให้สีที่ชื่อ คริปโตแซนทีน สารนี้ เมื่อสัตว์ได้รับ ให้เป็นวิตามินเอ ช่วยให้ไข่แดงมีสีแดงเข้ม และตัวไก่มีสีเข้มขึ้น เป็นที่นิยมของตลาดแถบอเมริกา ส่วนอังกฤษนั้นนิยมใช้ข้าวโพดขาว ในประเทศไทยนิยมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบที่มีสีเหลืองเข้ม มีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกือบตลอดทั้งปี กระจายในพื้นที่ภาคกลาง ตอนกลางของประเทศ ภาคอีสานตอนบน และภาคเหนือ พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวนมาก ได้แก่ พันธุ์กัวเตมาลา พียี 12 กัวเตมาลา พีบี 12 พีบี 5
2.ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn) เป็นข้าวโพดที่คนใช้รับประทาน ไม่มีการแปรรูป เมล็ดมักจะใสและเหี่ยวเมื่อแก่เต็มที่ เพราะมีน้ำตาลมาก ก่อนที่จะสุกจะมีรสหวานมากกว่าชนิดอื่น
ข้าวโพดคั่ว (Pop Corn) เป็นข้าวโพดที่คนใช้รับประทาน เมล็ดค่อนข้างแข็ง นำไปผ่านความร้อน จึงจะใช้ทานได้ ในต่างประเทศ ถ้าเมล็ดมีลักษณะแหลมเรียกว่า ข้าวโพดข้าว (Rice Corn) ถ้าเมล็ดกลม เรียกว่า ข้าวโพดไข่มุก (Pearl Corn)
ข้าวโพดแป้ง (Flour Corn) เมล็ดมีสีหลายชนิด เช่น หรือสีน้ำเงินคล้ำ หรือมีทั้งสีขาวและสีน้ำเงินคล้ำในฝักเดียวกัน เนื่องจากกลายพันธุ์ พวกที่มีเมล็ดสีคล้ำและพวกกลายพันธุ์เรียกว่าข้าวโพดอินเดียนแดง พวกข้าวโพดสีคล้ำนี้จะมีไนอาซีน สูงกว่าข้าวโพดที่มีแป้งสีขาว
ข้าวโพดเทียน (Waxy Corn) เป็นข้าวโพดที่คนใช้รับประทาน จะมีแป้งที่มีลักษณะเฉพาะคือ นุ่มเหนียว เพราะในเนื้อจะประกอบด้วยแป้ง มักปลูกกันมากในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้แก่ ข้าวโพดเหนียว และโอเปค-2
พันธุ์ข้าวโพด
1. พันธุ์ซีพี-ดีเค 888เกษตรกรปลูกร้อยละ 34.74 ของจำนวนเกษตรกรตัวอย่างทั้งหมดโดยนิยมปลูกมากที่ภาคเหนือ
2. พันธุ์คาร์กิลล์ 919เกษตรกรปลูกร้อยละ 17.69 ของจำนวนเกษตรกรตัวอย่างทั้งหมด
นิยมปลูกมากที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3. พันธุ์บิ๊ก 717เกษตรกรปลูกร้อยละ 6.87 ของจำนวนเกษตรกรตัวอย่างทั้งหมดนิยมปลูก
มากที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
4. พันธุ์แปซิฟิค 984เกษตรกรปลูกร้อยละ 2.26 ของจำนวนเกษตรกรตัวอย่างทั้งหมดนิยมปลูกมากที่ภาคเหนือและภาคกลาง
5. นครสวรรค์ 1 / นครสวรรค์ 2 / นครสวรรค์ 3 / นครสวรรค์ 72
6. ข้าวโพดฝักอ่อน : เชียงใหม่ 90
7. ข้าวโพดเทียน : สุโขทัย 1
8. NSX052014 เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยวอายุค่อนข้างสั้น สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 95-100 วัน เกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei462013 เป็นพันธุ์แม่และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei452009 เป็นพันธุ์พ่อ เมล็ดเป็นชนิดกึ่งหัวแข็งสีส้มเหลือง
ลักษณะเด่น
1) ผลผลิตสูง เฉลี่ย 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ใกล้เคียงกับพันธุ์ลูกผสมการค้า
2) มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 720 กิโลกรัมต่อไร่เมื่อกระทบแล้งช่วงออกดอกนานหนึ่งเดือน (ผลผลิตลดลง 39% จากสภาพฝนปกติ)
3) ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่ และต้านทานปานกลางต่อโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อ Maized warfmosaic virus
4) ฝักแห้งเร็วในขณะที่ต้นยังเขียวสด ทำให้เก็บเกี่ยวได้เร็ว มีความชื้นขณะเก็บเกี่ยวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ
ที่ปลูกพร้อมกัน
1. พันธุ์ลูกผสม
เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกมากกว่าพันธุ์ผสมเปิดมีลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอได้แก่ขนาดฝักความสูงฝักความสูงต้นอายุวันออกดอกตัวผู้และวันออกไหมวันเริ่มเก็บเกี่ยวและช่วงระยะเวลาเก็บเกี่ยวให้ผลผลิตและคุณภาพสูงกว่าพันธุ์ผสมเปิดเป็นที่ต้องการของตลาดและโรงงานอีกทั้งยังต้านทานต่อโรคราน้ำค้างโดยราคาจำหน่ายเมล็ดพันธุ์
พันธุ์ที่นิยมปลูกในปัจจุบันมี 6 พันธุ์คือ
1. จี 5414 เป็นพันธุ์ของบริษัทซินเจนทาซีดส์จำกัดฝักสีเหลืองอ่อนวันถอดช่อดอกตัวผู้ประมาณ 44 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณ 49 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 1,800-2,000 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 270-380 กิโลกรัมต่อไร่
2. เอสจี 18 เป็นพันธุ์ของบริษัทซินเจนทาซีดส์จำกัดฝักสีเหลืองอ่อนไม่ต้องถอดช่อดอกตัวผู้เนื่องจากตัวผู้เป็นหมันอายุเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณ 50-52 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 1,700-2,500 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 300-430 กิโลกรัมต่อไร่
3. แปซิฟิค 116 เป็นพันธุ์ของบริษัทแปซิฟิคเมล็ดพันธุ์จำกัดฝักสีเหลืองวันถอดช่อดอกตัวผู้ 46-48 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยว 48-50 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 1,500-1,600 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 270-290 กิโลกรัมต่อไร่
4. แปซิฟิค 283 เป็นพันธุ์ของบริษัทแปซิฟิคเมล็ดพันธุ์จำกัดฝักสีเหลืองอ่อนวันถอดช่อดอกตัวผู้ 45-47 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยว 47-49 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 2,200-2,400 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 350-400 กิโลกรัมต่อไร่
5. ยูนิซีดส์บี-65 เป็นพันธุ์ของบริษัทยูนิซีดส์จำกัดฝักสีเหลืองวันถอดช่อดอกตัวผู้ประมาณ 52 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณ 52 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 1,800-1,900 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 300-350 กิโลกรัมต่อไร่
6. เกษตรศาสตร์ 2 เป็นพันธุ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฝักสีเหลืองอ่อนไม่ต้องถอดช่อดอกตัวผู้เนื่องจากตัวผู้เป็นหมันอายุเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณ 51 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 1,600-1,800 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 280-300 กิโลกรัมต่อไร่
2. พันธุ์ผสมเปิด
มีลักษณะทางการเกษตรไม่สม่ำเสมอเมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ลูกผสมมีความต้านทานต่อโรคราน้ำค้างแต่เมล็ดพันธุ์ราคาถูกกว่าพันธุ์ลูกผสมพันธุ์ที่นิยมปลูกในปัจจุบันมี 2 พันธุ์คือ
เชียงใหม่ 90 ฝักสีเหลืองวันถอดช่อดอกตัวผู้ 40-42 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยว 43-45 วันเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก 870–1,200 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือก 150-200 กิโลกรัมต่อไร่
สุวรรณ 2 เป็นพันธุ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฝักสีเหลืองวันถอดช่อดอกตัวผู้ 40-43 วันหลังปลูกอายุเริ่มเก็บเกี่ยว 45-48 วันผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือกเฉลี่ย 745 กิโลกรัมต่อไร่ผลผลิตฝักอ่อนปอกเปลือกเฉลี่ย 120 กิโลกรัมต่อไร่
ข้าวโพดข้าวเหนียว
ข้าวโพดข้าวเหนียวจัดเป็นข้าวโพดรับประทานฝักสดที่ได้รับความนิยมบริโภคมากชนิดหนึ่งมีความอ่อนนุ่มไม่ติดฟันรสหวานเล็กน้อยขนาดฝักพอเหมาะอายุเก็บเกี่ยวสั้น (55-70 วัน) ปลูกได้ตลอดทั้งปีในพื้นที่ไร่และในเขตชลประทานเหมาะสมสำหรับเป็นพืชเสริมรายได้พื้นที่เพาะปลูกทั้งประเทศประมาณ 80,000 ไร่พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอีสานตามด้วยภาคตะวันตกและภาคเหนือผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1,300-1,700 กิโลกรัมต่อไร่ใช้บริโภคในท้องถิ่นทั้งหมด
ปัญหาสำคัญของข้าวโพดข้าวเหนียวคือขาดแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและพันธุ์ของทางราชการที่ผลิตไม่เพียงพอกับปริมาณความต้องการของเกษตรกร
พันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียว
สำหรับพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียวที่ได้มีการปรับปรุงพันธุ์ทั้งโดยหน่วยราชการและบริษัทเอกชน ได้แนะนำพันธุ์ให้เกษตรกรใช้แล้วมีดังนี้
1. พันธุ์รัชตะเป็นพันธุ์ผสมเปิดที่ปรับปรุงพันธุ์โดยศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติสถาบันอินทรีย์จันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. พันธุ์สำลีอิสานเป็นข้าวโพดข้าวเหนียวที่แนะนำพันธุ์ในปี 2542 เป็นพันธุ์แรกที่ปรับปรุงโดยคณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยได้มาจากการผสมข้ามชนิดระหว่างข้าวโพดข้าวเหนียวและข้าวโพดซูเปอร์สวีทมีลักษณะพิเศษคือมีรสชาติเหนียวปนหวานในฝักเดียวกันโดยเมล็ดส่วนใหญ่ประมาณ 3 ส่วนเป็นเมล็ดข้าวโพดข้าวเหนียวจึงมีรสเหนียวนุ่มและเมล็ดอีกหนึ่งส่วนเป็นเมล็ดของข้าวโพดหวานทำให้มีรสหวาน
3. พันธุ์แวกซ์-22 เป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วแรก (F1-hybrid) ที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทซินเจนทาซีดส์จำกัด
4. พันธุ์บิ๊กไวท์เป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วแรก (F1-hybrid) ที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทอีสเวสซีดส์จำกัด
5. พันธุ์ท๊อปไวท์เป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วแรก (F1-hybrid) ที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทเจียไต๋จำกัด
6. พันธุ์ข้าวเหนียวสลับสีเป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วแรก (F1-hybrid) พันธุ์ใหม่ล่าสุดที่ปรับปรุงพันธุ์โดยคณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นแนะนำพันธุ์อย่างเป็นทางการในปี 2547 เป็นข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์แรกที่มีเมล็ดสองสีคือสีขาวและสีเหลืองสลับกันอยู่ในฝักเดียวกันปรับปรุงมาจากการผสมข้ามชนิดระหว่างข้าวโพดข้าวเหนียวและข้าวโพดซูเปอร์สวีทมีลักษณะพิเศษคือมีรสชาติเหนียวปนหวานในฝักเดียวกันเมล็ดส่วนใหญ่ประมาณ 3 ส่วนเป็นเมล็ดข้าวโพดข้าวเหนียวจึงมีรสเหนียวนุ่มและเมล็ดอีกหนึ่งส่วนเป็นเมล็ดของข้าวโพดหวานทำให้มีรสหวาน
1 . เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดฝักอ่อน แปซิฟิค 271 แปซิฟิค 321
2. พันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แปซิฟิค 999 ซุปเปอร์แปซิฟิ 339 แปซิฟิค 777 แปซิฟิค 559
3 . เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวาน ไฮ - บริกซ์ 3 ไฮ - บริกซ์ 53 ไฮ - บริกซ์ 58
การใส่ปุ๋ยให้เหมาะกับดิน
*ดินเหนียวสีดำ หากมีฟอสฟอรัสสูง ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 21-0-0 อัตรา 50 กก.ต่อไร่ หรือสูตร 46-0-0 อัตรา25 กก.ต่อไร่ โดยโรยข้างแถวหลังในแต่ละแปลง ปลูก 20-25 วัน แต่หากมีฟอสฟอรัสต่ำไป ให้ปุ๋ยเคมี 20-20-0 ในอัตรา 40 กก.ต่อไร่ หรือ 16-20-0 อัตรา 50 กก.ต่อไรโดยโ รองก้นร่องพร้อมปลูก และให้ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 10 กก.ต่อไร่ หรือ 21-0-0 อัตรา 20 กก.ต่อไร่ โรยข้างแถวหลังในแต่ละแปลง นาน 20-25 วัน แล้วพรวนดินกลบ
*ดินเหนียวสีแดง ดินเหนียวสีน้ำตาล หรือดินร่วนเหนียวสีน้ำตาล ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 หรือ 16-16-8 อัตรา 50 กก.ต่อไร่ รองก้นร่อง และให้ปุ๋ยเคมี 21-0-0 อัตรา 30 กก.ต่อไร่ หรือ 46-0-0 อัตรา 10 กก.ต่อไร่ โรยข้างแถวหลังในแต่ละแปลง นาน 20-25 วัน แล้วพรวนดินกลบ
*ดินร่วน หรือดินร่วนทราย ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 หรือสูตร 15-15-15 แล้วแต่สภาพพื้นดิน อัตรา 1ลูก ต่อไร่ รองก้นร่อง และปุ๋ยเคมีสูตร 21-0-0อัตรา 30 กก.ต่อไร่ โรยข้างแถวหลัง นาน20-25 วัน แล้วพรวนดินกลบ…หลังจากเก็บผลผลิตแล้วไม่ควรเผาต้นหรือนำตอซังไปทิ้ง ควรไถกลบลงดินเป็นปุ๋ยพืชสด
การกำจัดวัชพืช
*การปลูกข้าวโพดให้ได้ผลผลิตสูง จึงต้องให้แปลงปลอดวัชพืช ตลอดช่วง 1 เดือนแรก โดยเฉพาะระยะ 13-25 วัน หลังต้นงอก ต้องระวังไม่ให้มีวัชพืชรบกวนจะทำให้ผลผลิต ข้าวโพดเสียหาย
1. การไถและพรวนดิน
ก่อนปลูกข้าวโพด โดยไถและพรวนดินหลังวัชพืชงอก จะช่วยทำลายกล้าวัชพืชให้ตายได้ ส่วนกล้าและเหง้าวัชพืชที่ตายยาก ควรตากดินนาน 15 วัน ต้องให้วัชพืชตาย ก่อนปลูกข้าวโพด
2. การทำรุ่น
การใช้ไถพูนโคนมักมีวัชพืช ในแถวหลงเหลืออยู่ จึงต้องจัดการดายตามอีกครั้ง
3. การใช้สารเคมี
พ่นกำจัดวัชพืชทันทีหลังข้าวโพดและวัชพืชงอกแล้ว การใช้สารเคมีควรฉีดพ่นขณะที่ดินยังมีความชื้นอยู่ แต่ต้องระมัดระวัง อันตรายต่อข้าวโพดเอง คน พืชอื่น ๆ และ สิ่งแวดล้อม ไม่ควรปลูกข้าวฟ่างตามหลังข้าวโพด เพราะทั้ง 2 พืชมีระบบรากคล้ายกันคือ กินธาตุอาหารในดินเหมือนกัน ดินปลูกจะเสื่อม หมดธาตุอาหาร ควรปลูกพืชหมุนเวียนชนิดอื่นแทน
** ข้อควรระวัง ข้าวโพดไม่ควรให้น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน จะทำให่รากเน่า เกิดเชื้อราได้ ควรรีบระบายน้ำออกจากแปลง แต่หากขาดน้ำ จะได้ผลผลิตต่ำ
การปลูกข้าวโพดหวานแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
1. ปลูกได้ทั้งปีในพื้นที่ที่มีน้ำพอ ใช้เมล็ดพันธุ์ 1-15 กก.ต่อไร่ หรืออาจมากกว่า
2. การเตรียมดิน ไถตะ แล้วตากดินไว้ 10-15 วัน หว่านปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก 1-2 ตัน/ไร่ ส่วนในดินเหนียว 2-4 ตัน ต่อไร่ ไถแปร 1- 2 ครั้ง เพื่อย่อยดินให้เหมาะต่อการปลูก ให้หว่านปุ๋ยเมื่ออายุ 25-30 วัน และ 40-45 วัน
3. ระยะปลูก มี 2 แบบ คือ
3.1 แบบแถวเดี่ยว ระยะระหว่าง แถวห่าง 75 ซ.ม. ส่วนต้นห่างกัน 30 ซ.ม.
3.2 แบบแถวคู่ ( แบบแปลงผัก ) ชักร่องกว้าง 1.20 เมตร ปลูกข้างสันร่องทั้ง 2 ด้าน ส่วนต้นห่าง กัน 30 ซ.ม.
4. การใส่ปุ๋ยมี 2 ระยะคือ รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ตามความเหมาะสม และใส่ปุ๋ยแต่งหน้า 2 ครั้ง
ประโยชน์ข้าวโพด กับพืช
ข้าวโพดสามารถส่งเสริมการย่อยสลาย PAH ที่ปนเปื้อนสารมลพิษอินทรีย์ใน จึงมีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ฟื้นฟูดิน
ประโยชน์ข้าวโพด กับมนุษย์
ช่วยบำรุงสายตาจะมีสาร เบต้าแคโรทีน ( วิตามินเอ ) ช่วยให้ลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตาด้วย
ชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย มี โฟเลต ซึ่งจะช่วย สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
ป้องกันโรคหัวใจ ข้าวโพดจะรวมตัวกับน้ำดีจากคอเลสเตอรอลในตับของเรา ทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกาย สลายไปได้ แถมยังอุดมไปด้วยโฟเลต, วิตามินบี, กรดอะมิโนที่สามารถทำลายเส้นเลือดที่นำไปสู่หัวใจวายโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันในร่างกาย
ต้านโรคมะเร็ง ข้าวโพดยังช่วยลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งปอด และเส้นใยในข้าวโพดยังช่วยให้ระบบย่อยอาหาร จึงลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ริดสีดวงทวารท้องผูก ทุเลา ช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น
ภาวะตลาด
สินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (3 พ.ย. 2559 ) สัญญาธัญพืชปรับตัวอย่างไร้ทิศทาง โดยสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559
ประเภท | ราคาเฉลี่ย | หน่วย |
---|---|---|
(A) ข้าวโพด | 7.94 | บาท/กก. |
ตลาดรับซื้อ ตลาดศรีเมือง ตลาดไท ลานข้าวโพด ตลาดสี่มุมเมือง ฯ
ขอขอบคุณ ข้อมูลข้าวโพดจาก กรมวิชาการเกษตร