กล้วยหอม
เป็นไม้ล้มลุก มีอยู่หลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว โดยกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชเป็นกล้วยหอมที่นิยมปลูกทั่วไป จัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนตามหลักทางโภชนาการ เช่น มีวิตามิน ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีสารแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ ต้น กล้วยหอมถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อน สามารถปลูกได้เกือบทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นหลายแห่ง สำหรับประเทศไทย สามารถปลูกกล้วยหอมได้ทั่วทุกภาค
การปลูกและการดูแลกล้วย
การปลูกตามคำแนะนำของกรมส่งเสริมการเกษตร
การเตรียมดิน :ไถดะ 1 ครั้ง ตากดินแล้วไถพรวน 1-2 ครั้ง ให้ดินร่วนซุยจนหมดวัชพืช ถ้ามียังวัชพืชอยู่มากกว่าร้อยละ 20 ต้องไถพรวนใหม่
การเตรียมหลุมปลูก: ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 2x2 เมตร ขนาดหลุมปลูก ขนาด 30x30x30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ ด้วย 5 กิโลกรัมต่อหลุม
การเตรียมพันธุ์และการปลูก: ใช้หน่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ ปราศจากศัตรูพืช หน่อยาว 25-35 เซนติเมตร มีใบแคบ 2-3 ใบ วางหน่อพันธุ์ที่ก้นหลุม จัดวางให้ด้านที่ติดต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้มีการออกดอกไปในทิศทางเดียวกัน และสะดวกในการดูแลรักษา กลบดินและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น คลุมดินด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง และรดน้ำให้ชุ่ม
กล้วยเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชื้น ซึ่งเหมาะกับการปลูกในประเทศไทย ถ้าหากอุณหภูมิต่ำกว่า ๑๔ องศาเซลเซียส กล้วยจะชะงักการเจริญเติบโต หรือมีการเติบโตช้าลง รวมทั้งการออกดอกและติดผลจะช้าด้วย อนึ่ง กล้วยเป็นพืชที่มีแผ่นใบใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยทนต่อแรงลม เพราะใบจะต้านลม ทำให้ใบแตกได้ ถ้าหากใบแตกมากจนเป็น ฝอย จะทำให้มีการสังเคราะห์อาหารได้น้อย ต้นไม่เจริญเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าพื้นที่ที่มีลมแรงมาก ควรปลูกต้นไม้อื่นทำเป็นแนวกันลมให้ต้นกล้วย
ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกกล้วยคือ ดินตะกอนธารน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า "ดินน้ำไหลทรายมูล" ซึ่งเป็นดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำ และการหมุนเวียนอากาศดี ถ้าดินเป็นดินเหนียว ควรใส่ปุ๋ยคอก จะทำให้ดินร่วนโปร่งขึ้น
กล้วยไทยส่งออกนอกประเทศ
1. กล้วยนํ้าว้า ปลูกกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ที่ปลูกเป็นการค้ามีอยู่ทั่วไป เนื้อกล้วยนี้มีคุณค่าทางอาหารมากใช้เป็นอาหารเด็กอ่อน รับประทานผลสด ใช้ทำขนมได้หลายชนิด เช่น ขนมกล้วย ขนมกล้วยบวชชี กล้วยเชื่อม กล้วยทอด กล้วยฉาบ กล้วยตาก กล้วยกวน เป็นต้น อนึ่งมีบางประเทศนำ ผลกล้วยมาแปรรูปเป็นเบียร์ ไวน์ นํ้าส้ม น้าผลกล้วย กล้วยผง แป้งกล้วย กล้วยกระป๋อง พิวรีกล้วย
กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง สวนคุณบุญยืน ท่ายาง เพชรบุรี ใช้วายไอซีแค็ปซูลนาโน( ภาพของจริงไม่ได้จ้าง เป็นสมาชิกของเยสไอแคนแล้ว เพราะใช้ได้ผลดีจริง) ตอนนี้ เข้ากับสหกรณ์ส่งออกนอกประเทศสู่ประเทศญี่ปุ่น.ทั้งกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม
2. กล้วยไข่ ปลูกทั่วไปตามสวนหลังบ้านทุกภาค เป็นกล้วยที่มีรสชาติใช้ในเทศกาลสารทไทย รับประทานผลสด เป็นเครื่องเคียงของข้าวเม่าคลุกและกระยาสารทนอกจากนี้ยังใช้ทำ กล้วยเชื่อม กล้วยบวชชี ข้าวเม่าทอด
3. กล้วยหอมทอง ปลูกทั่วไปทุกภาคมากน้อยต่างกัน นิยมรับประทานผลสดกัน แปรรูปเป็นส่วนผสมฟรุทสลัด เค้กกล้วยหอมมีส่วนน้อย ชาวต่างชาติใช้รับประทานกับเนยแข็งทำ ให้รสอร่อยขึ้นตามความนิยม
กล้วยหอมทอง สวนคุณบุญยืน ท่ายาง เพชรบุรี ..นาโนแท้ต้นตำรับไม่ดัดแปลงต้อง วายไอซีเท่านั้น
สำหรับประเทศไทยพบกล้วยป่าอยู่ 4 ชนิด และเป็นพืชเก่าแก่ ดังจะเห็นได้จากสมัยโบราณใช้ส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย อาทิเช่น ผล ใบ กาบ ลำ ต้น ในพิธีต่างๆทางศาสนา กล้วยที่ปลูกตามบ้านและในไร่นามีหลายชนิดหลายพันธุ์ด้วยกัน จากบันทึกหลักฐานของชาวต่างประเทศที่มาเยือนเมืองไทยปี 2020 ได้พบกล้วยงวงช้างหรือกล้วยร้อยหวี ปี 2484 เป็นต้นมา กล้วยนํ้าว้าจังหวัดที่ปลูกมากที่สุด คือ อุบลราชธานี ส่วนกล้วยไข่ จังหวัดที่ปลูกมากที่สุด คือ กำแพงเพชร
วิธีการปลูกกล้วย ตามคำแนะนำของกรมส่งเสริมการเกษตร
การเตรียมดิน :ไถดะ 1 ครั้ง ตากดินแล้วไถพรวน 1-2 ครั้ง ให้ดินร่วนซุยจนหมดวัชพืช ถ้ามียังวัชพืชอยู่มากกว่าร้อยละ 20 ต้องไถพรวนใหม่
การเตรียมหลุมปลูก: ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 2x2 เมตร ขนาดหลุมปลูก ขนาด 30x30x30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ ด้วย 5 กิโลกรัมต่อหลุม
การเตรียมพันธุ์และการปลูก: ใช้หน่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ ปราศจากศัตรูพืช หน่อยาว 25-35 เซนติเมตร มีใบแคบ 2-3 ใบ วางหน่อพันธุ์ที่ก้นหลุม จัดวางให้ด้านที่ติดต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้มีการออกดอกไปในทิศทางเดียวกัน และสะดวกในการดูแลรักษา กลบดินและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น คลุมดินด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง และรดน้ำให้ชุ่ม
การดูแล - การให้น้ำ:ต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดฤดูปลูก
การให้ปุ๋ย:ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อกล้วยหอมอายุ 1 และ 3 เดือน ด้วยสูตร 20-10-10 หรือ 15-15-15 หรือสูตร ใกล้เคียงอัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 และ 4 เมื่ออายุ 5 และ 7 เดือน ด้วยสูตร 13-13-21 หรือสูตรใกล้เคียง อัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก) ปีละ 1-2 ครั้ง
การแต่งหน่อ: หลังจากปลูกกล้วยประมาณ 5 เดือน ให้แต่งหน่อ เพื่อให้ต้นแม่มีความสมบูรณ์
การค้ำยันต้น: ต้องใช้ไม้ค้ำยันหรือดามกล้วยทุกต้น ที่ออกปลีแล้ว เพื่อป้องกันลำต้นหักล้ม และตรวจดูการค้ำยันให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง
การหุ้มเครือ และตัดใบธง: การหุ้มเครือกระทำหลังจากตัดปลีไม่เกิน 15 วัน เพื่อให้ผิวกล้วยสวย และป้องกันแมลงทำลายด้วยถุงพลาสติกสีฟ้า แบบเปิดด้านล่าง โดยหุ้มทั้งเครือ และหุ้มทุกเครือ ส่วนการตัดใบธง ตัดเมื่อใบธงเริ่มหักก่อนที่จะเสียดสีกับผิวกล้วย
กล้วย สนใจสามารถสอบถามได้ที่ นนท์ศูนย์เกษตรนาโน โทร.089-270-2607
การขยายพันธุ์
เนื่องจากกล้วยหอมเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายพบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เหมาะกับดินที่ร่วนซุย และดินเหนียวที่อุ้มน้ำได้ดี สามารถขยายพันธุ์ด้วยหน่อหรือเหง้า แต่มีข้อจำกัดว่ากล้วยหอมไม่ชอบดินที่มีน้ำขัง
ประโยชน์
กล้วยหอมสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ส่วนที่ใช้เป็นยา
ผล ขับปัสสาวะ ยางกล้วยจากใบ ใช้ห้ามเลือด
ผลดิบ ช่วยแก้โรคท้องเสีย สมานแผลในกระเพาะอาหาร
ผลสุก ใช้เป็นอาหาร กระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุข เป็นยาระบายสำหรับผู้ที่มีอุจจาระแข็ง ช่วยทุเลาอาการปวดท้อง ก่อนหรือขณะมีประจำเดือนได้ สามารถกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมองได้ หรือแม้กระทั่งช่วยทุเลาจากอาการเมาค้างเนื่องจากการดื่มสุราของมึนเมา นอกจากนี้การกินกล้วยหอม 1-2 คำ ระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น ยังทุเลาอาการแพ้ท้องได้
ราก ใช้ต้มน้ำแล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
เปลือกกล้วยหอม สามารถลดอาการคันหรือบวม จากบริเวณที่ถูกยุงกัดได้ โดยใช้เปลือกด้านใน หรือการนำเปลือกกล้วยหอมมาด้มน้ำดื่ม พบว่าสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ พบว่า หากเราใช้ด้านในของเปลือกกล้วยหอมสุก ถูเบาๆ บริเวณที่มีรอยหยาบกร้าน ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดตามปกติ จะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น รอยหยาบกร้านจางหายไป
ส่วนที่ใช้ในงานฝีมือ ห่ออาหาร เลี้ยงสัตว์
ลำต้น ใช้เป็นฐานกระทง หรือใช้หั่นเลี้ยงสัตว์
ใบ ใช้ห่ออาหารจะทำให้อาหารคล้ำดำ ไม่น่ารับประทาน
ส่วนที่ใช้ด้านการเกษตร : เนำเปลือกกล้วยหอมวางไว้รอบๆ โคนต้นกุหลาบ แล้วโกยดินทับประมาณ 1 นิ้ว จะช่วยให้กุหลาบแตกกิ่งเร็วขึ้น
การส่งออก กล้วยหอมประเทศไทยมีการส่งออกกล้วยหอมไปยังประเทศต่าง ๆ มากมาย ที่นิยมมากคือ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์
โดยที่ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยหอมเขียวส่วนใหญ่ ประมาณปีละ 8.7 แสนตัน จากฟิลิปปินส์ จีน ไต้หวัน ประเทศอมเริกาใต้
สหกรณ์การเกษตรท่ายาง จำกัด จังหวัดเพชรบุรี การกำหนดเงื่อนไขในการผลิตกล้วยหอมทองส่งออกนอก พอสรุปได้ ดังนี้
1. จะต้องไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ฉีดพ่นสารพิษฆ่าแมลงเด็ดขาด
2. ขนาดกล้วยนํ้าหนักไม่ตํ่ากว่าลูกละ 100 กรัม สีผิวไม่ชํ้า
3. กล้วยที่ส่งออกจะต้องไม่สุกก่อนถึงญี่ปุ่น มิฉะนั้นจะถูกนำเข้า้และต้องนำไปทิ้ง
4. ถ้าเจ้าหน้าที่ด่านกักดกันศัตรูพืชญี่ปุ่นตรวจพบโรคแมลงเพียงกล่องเดียวก็ต้องรมควันทั้งหมด
นอกนี้ สหกรณ์การเกษตร บ้านลาด จำกัด จังหวัดเพชรบุรี ส่งออกไปญี่ปุ่นและอื่น ๆ ด้วยเพราะชาวญี่ปุ่นติดใจในรสอร่อย หอมหวาน เนื้อนิ่มละเอียด ยากที่จะหากล้วยหอมชนิดอื่นเปรียบได้ ในขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนที่เปลือกบาง สุกเร็ว ขั้วไม่เหนี่ยวหลุดง่าย ผิดกับกล้วยหอมเขียวที่ซื้อขายกันในตลาดโลกที่เปลือกหนา เหมาะต่อการขนส่งไกลๆ
การแปรรูปกล้วย ที่น่าสนใจ ได้แก่ กล้วยกระป๋องใช้กล้วยนํ้าว้า กล้วยไข่มุกสุกปอกเปลือกฝานบาง ๆ หรือบรรจุทั้งผลในนํ้าเชื่อม ซึ่งอาจจะนำ ไปปรุงเป็นกล้วยบวชชีและอื่น ๆ ได้ ปี 2541 ส่งออกกล้วยกระป๋อง 193 ตันมูลค่า 5.9 ล้านบาท โดยลูกค้ารายใหญ่สหรัฐอเมริกาสั่งเข้าไป 81.8 ตันมูลค่า 2.3 ล้านบาท แคนนาดา 35.5 ตันฝรั่งเศล 38.7 ตัน ส่วนที่เหลือ 6 ประเทศทางยุโรปและออสเตรเลียซื้อไป นอกจากนี้ยังส่งออก กล้วยกวน 65 ตันมูลค่า 3.6 ล้านบาท ประเทศที่ซื้อมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา 35.5 ตันมูลค่า 2.95 ล้านบาท และมีผู้ซื้อรายย่อยอีก 8 ประเทศ ทางยุโรปรวมทั้งญี่ปุ่นและออสเตรเลียซื้อไป ผลิตภัณฑ์กล้วยที่สำคัญน่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง คือ พิวรีกล้วยใช้กล้วยสุกงอมบดละเอียดด้วยการไม่ใส่สารกันบูดและนํ้าตาล บรรจุในกระป๋อง
ข้อมูลปุ๋ยแค็ปซูลนาโน ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศแคนนาดา
ส่วนประกอบ :
-สารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากโมเลกุลของสารหลายชนิดรวมกัน ฮิวมิค แอซิดไม่น้อยกว่า50%โปตัสเซียม8%
-สารผสมเข้มข้นของสารประกอบ คาร์โบไฮเดรตหลายชนิดกับธาตุอาหารเสริมในรูปของสารดีเลต ใช้ร่วมกับไคโตซาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มแป้งและน้ำตาลให้พืชได้โดยตรง ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีสมบูรณ์ แข็งแรง ฟื้นตัวได้รวดเร็ว
คุณสมบัติ
- พืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว ข้าวโพ ฯลฯ ผสม yic นาโน1 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 15 วัน
- พืชผักสวนครัว เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เห็ด ฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูล ต่อน้ำ 40 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7-15 วัน
- ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กล้วยไม้ ดาวเรือง กุหลาบฯลฯ ผสม yic นาโน 1 แค็ปซูลต่อน้ำ 50 ลิตร พ่นทุก 7 วัน
- พืชยืนต้นหรือ ผลไม้ เช่น ยาง ปาล์ม ลำใย เงาะ มะม่วง มะนาว องุ่น ทุเรียน ลิ้นจี่ ลองกอง ฯลฯผสม yic 1-2 แค็ปซูลต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 15-30 วัน
- ใช้ปรับสภาพดิน ละลาย yic แค็ปซูล 3 แค็ปซูล ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วราดลงพื้นดิน
- ผสมปุ๋ยเม็ดคลุกเคล้า 50 แค็ปซูล/ปุ๋ยเม็ด 1000 กก. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ปลูกพืชใช้น้ำน้อย,ปลูกพืชทนแล้ง-ปลูกพืชใช้น้ำน้อย,คนขายนาโนอาหารเสริมพืชใช้ได้กับพืชทุกชนิด ปุ๋ยช่วยเร่ง ปุ๋ยช่วยเพิ่มผลผลิตดอกดกลูกใหญ่หวานกรอบ ชุดทดลองใช้ 6 แค็ปซูล ราคา 300 บาท ใน 1 กระปุก มี 120 แค็ปซูล ราคา 2,500 บาท พิเศษ! ราคาสมาชิก4,500 บาท (รวมกันได้ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ)ใชัไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน สมัครสมาชิกฟรี จัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ EMS ด่วน ฟรี ทั่วประเทศ สนใจ/สั่งซื้อ คุณนิคมรัตน์ สาลีทำ โทร/ไลน์ 0800587589 และ 0892702607 |
|