สารปรับปรุงเพื่อเพิ่มน้ำยางพารา จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโน สปริง เป็น นวัตกรรมใหม่ที่ ทำจากจุลินทรีย์ ที่ได้รับ การคัดเลือกว่ามีประสิทธิ์ภาพสูงใน การป้องกันกำจัดโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา ไททอปธอรา(thytothphora) ที่เกิดขึ้นในยางพาราเป็นอย่างดีเปลือกนิ่มกรีดง่าย -เพิ่มผลผลิต-เสริมสร้างเปลือกใหม่-ป้องกันเชื้อรา จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโน สปริง โดยมีธาตุอาหารจุลินทรีย์ที่สามารถเข้า ไปฟื้นฟู สภาพของหน้ายางพารา พร้อมทั้งเข้าไปเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ ของท่อน้ำท่ออาหาร ในการช่วยเพิ่มผลผลิต ของน้ำยางและสามารถที่จะกำจัดเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคหน้ายางตายได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเสริมสร้าง เปลือกยางที่ ชำรุด เสียหายให้กลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์ขึ้น น้ำยางเพิ่มขึ้น
|
|
|
เซียนปุ๋ย เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำทีมคะ
สารปรับปรุงเพื่อเพิ่มน้ำยางพารา
จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโน สปริง เป็น นวัตกรรมใหม่ที่ ทำจากจุลินทรีย์ ที่ได้รับ การคัดเลือกว่ามี
ประสิทธิ์ภาพสูงในการป้องกันกำจัดโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา ไททอปธอรา(thytothphora) ที่เกิดขึ้น
ในยางพาราอย่างดีเปลือกนิ่มกรีดง่าย-เพิ่มผลผลิต-เสริมสร้างเปลือกใหม่ ทั้ง-ป้องกันเชื้อรา จุลินทรีย์
วาย ไอ ซี นาโน สปริง มีธาตุอาหารจุลินทรีย์ที่สามารถเข้าไปฟื้นฟู สภาพของหน้ายางพารา พร้อมทั้ง
เข้าไปเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ ของท่อน้ำยาง ท่ออาหาร ในการช่วยเพิ่มผลผลิตของน้ำยาง และ
สามารถที่จะกำจัดเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคหน้ายางตายได้ นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเสริมสร้าง เปลือก
ยางที่ชำรุด เสียหายให้กลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์ขึ้น น้ำยางเพิ่มขึ้น
ช่วงเวลา และ วิธีการใช้จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโนสปริง -พักหน้ายางให้ใช้ จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโน สปริง ฉีดพ่นบริเวณหน้ายางเดือนละ2 ครั้ง เพื่อเข้าไป เสริมสร้าง เนื้อเยื่อพร้อมทั้งเข้าไปทำลายเชื้อราที่อยู่ในต้นยางพารา และเมื่อเปิดกรีดครั้งต่อไปหน้า ยางจะนิ่ม และ ผลผลิต จะเพิ่มขึ้น ช่วงอยู่ในระยะการกรีด ให้ใช้ จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโนสปริงฉีด พ่นบริเวณหน้ายางในวันที่มีการกรีด เดือนละ2ครั้ง เพื่อเข้าไปเสริมสร้างเนื้เยื่อ หรือเปลือกยาง จะ ทำให้นิ่ม กรีดง่าย ปริมาณน้ำยางจะเพิ่มขึ้น และ ป้องการโรคหน้ายางตายได้ จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโนสปีด สารปรุงแต่งเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำยาง(สำหรับยางอายุน้อยกว่า 15 ปี) เป็นผลิตภัณฑ์คุณ ภาพเพื่อชาวสวนอย่างแท้จริง -สารปรุงแต่งชนิดเข้มข้น จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโนสปีด ออกฤทธิ์ ฉับพลัน กรณีเพิ่มผลผลิต จะเห็น ผลภายใน24ชั่วโมงและกรณียาง ตายนึ่งจะเห็นผลภายใน 7วัน |
ประโยชน์
-เปลือกนิ่มกรีดง่าย
-ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น
-ท่อน้ำยางมีความ แข็งแรง สมบูรณ์
-น้ำยางหนักขึ้น
วิธีใช้ วายไอซี นาโน สปาร์ค และวายไอซี นาโน สปีด
1.กรณีเพื่อเพิ่มผลผลิต ใช้แปรงจุ่มสารปรุงแต่ง ทาบริเวณเหนือรอยกรีดใช้ทุกๆ 20-30วัน/ครั้ง
2.กรณีเพื่อรักษา เปิดกรีดใหม่ แล้วทาสารปรุงแต่งทิ้งไว้ 7วันแล้วกรีดตามปกติ
หมายเหตุ เพื่อให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ควรใช้ วายไอซี นาโนสปาร์ค และ วายไอซี นาโนสปีด ร่วมกับ จุลินทรีย์ วาย ไอ ซี นาโนสปริง
วิธีใช้งานสารปรุงแต่งเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำยาง
-กรณีเพิ่มผลผลิตอายุยางน้อยกว่า15ปีใช้ขวด สีแดง แต่ถ้าอายุยางมากกว่า 15ปี ใช้ขวดสีเขียว
ขั้นตอนที่1.ใช้สก๊อตไบรท์ หรือแปรงขูดผิวเล็กน้อยเพื่อให้น้ำยาซึมเข้าเร็วขึ้น
ขั้นตอนที่2.เทน้ำยาใส่ภาชนะ เช่น ถ้วย หรือแก้ว ตามที่ต้องการ แล้วใช้แปรง 1นิ้วจุ่มน้ำยา ทาเหนือ ทาทับ และทาด้านล่างรอยกรีด
ขั้นตอนที่3.จากนั้นให้ใช้สเปรย์จุลินทรีย์ตรงรอยขูดพอชุ่มน้ำ(ขวดสีน้ำเงิน)
ขั้นตอนที่4.รอให้ครบ24ชั่วโมงจึงค่อยมากรีดหน้ายาง
-กรณีรักษาโรคยางหน้าตาย
ขั้นตอนที่1.กรีดหน้ายางต้องทำการเปิดหน้ายางก่อน
ขั้นตอนที่2.สก๊อตไบรท์ หรือแปรงขูดผิวเล็กน้อยเพื่อให้น้ำยาซึมเข้าเร็วขึ้น
ขั้นตอนที่3.เทน้ำยา ขวดสีเขียว ใส่ภาชนะ เช่น ถ้วย หรือแก้ว ตามที่ต้องการ แล้วใช้แปรง 1นิ้วจุ่มน้ำยา ทาเหนือ ทาทับ และทาด้านล่างรอยกรีด
ขั้นตอนที่4.ใช้สเปรย์จุลินทรีย์ตรงรอยที่ขูดผิวไว้แล้ว และ ตรงหน้ายางที่กรีดแล้ว พอชุ่มน้ำ
ขั้นตอนที่4.พอครบ7วันจึงมากรีดหน้ายาง(หากน้ำยางออกมายังมีปริมาณไม่มากพอให้ทำซ้ำข้อ 3-4 อีกครั้ง)
หมายเหตุ
-ให้กรีดลึกกว่าปกติ เพราะเปลือกยางจะหนา
-กรณีเกิดจากหน้ายางยุบ หน้ายางเน่า ให้ทำการกรีดหน้ายางใหม่ และทำการรักษาหน้ายางเก่าด้วยจุลินทรีย์ (ข้อ 2,4)
-กรณีทาซ้ำแล้ว น้ำยางยังไม่ออก ให้ทดลองกรีดหน้าใหม่โดยทำตามข้อ 1-4)
จุลินทรีย์ yic นาโนสปริง เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำจากจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพสูงป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ไฟทอปธอรา ที่เกิดในยางาราได้เป็นอย่างดี ใช้แล้วทำให้ เปลือกนิ่ม กรีดง่าย เพิ่มผลผลิต เสริมร้างเลือกใหม่ ป้องกัน
เชื้อรา นาโนสปริง มีธาตุอาหารและจุลินทรีย์ที่เข้าไปฟี้นฟูสภาพหน้ายางพารา เสริมสร้างความอุดมสมบรูณ์ของท่อน้ำ
ท่ออาหาร ช่วยเพิ่มน้ำยาง กำจัดเชื้อราที่ทำให้หน้ายางตาย สร้างเปลือกยางที่ชำรุดเสียหายให้สมบรูณ์
หน้านี้ทำเพื่อเกษตรกรปลูกยาง จะได้เข้าใจหาพันธ์ และหาวิธีป้องกันจากเชื้อราที่ทำให้ต้นยางต้อง
เสียหายเกษตรกรปลูกยางต้องขาดทุนโดยมีเนื้อหาดังนี้
นาโนสปีด ใช้กับยางที่อายุน้อยกว่า 15 ปี
นาโนสปาร์ค ใช้กับยางที่อายุมากกว่า 15 ปี
ใช้เพิ่มผลผลิตภายใน 1วัน (24ชั่วโมง) กรณียางตายนิ่ง เห็นผลใน 7วัน
คุณสมบัติ ทำให้เปลือกยางนิ่มกรีดง่าย ท่อน้ำยางแข็งแรงสมบรูณ์ เพิ่มปริมาณน้ำยาง น้ำยางหนักขึ้น
นาโนสปริง นาโนสปาร์ค นาโนสปีด นาโนพลัส แค็ปซูลนาโน
สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ได้แนะนำพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตสูง การเจริญเติบโตดี มีความต้านทานโรค แสดง
อาการเปลือกแห้งเล็กน้อย และมีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ให้เกษตรกรใช้ปลูก โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้นคือ
PB 255 , PB 260 , PR 255 , RRIC 110 และ RRIM 600
จำนวน 6 พันธุ์ ได้แก่ RRIT 250 , RRIT 226 , BPM 1 , PB 235 , RRIC 100 และ RRIC 101
พันธุ์ยางชั้น 3 ปลูกได้ไม่เกินร้อยละ 20ของจำนวนเนื้อที่ถือครอง และแต่ละพันธุ์ควรปลูกไม่น้อยกว่า 7 ไร่ มี218 , RRIT 225
และ Haiken 2
เลือกพันธุ์ยางที่มีความต้านทานต่อโรคระบาดในท้องถิ่น
พิจารณาถึงลักษณะภูมิประเทศ เช่น พื้นที่ที่มีลมแรง ให้เลือกพันธุ์ที่ต้านทานแรงลมได้ดี
เลือกพันธุ์ยางปลูกให้เหมาะกับสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน
พันธุ์ยางที่ใช้ปลูก จะต้องเหมาะสมกับความลึกของหน้าดิน สภาพความลาดชันของพื้นที่ และระยะปลูก
พันธุ์ยางของกรมวิชาการเกษตร มี 3 กลุ่ม แนะนำพันธุ์ยาง ชั้น 1 ในแต่ละกลุ่มที่ให้ผลผลิตและความต้านทานโรค
ในพื้นที่ปลูกยางใหม่แตกต่างกัน
กลุ่มที่ 1 พันธุ์ยางผลผลิตน้ำยางสูง ได้แก่ พันธุ์ RRIT 251 , RRIT 226 , BPM 24 , RRIM 600
ผลผลิตเฉลี่ย 330 กิโลกรัม / ไร่ / ปี การเจริญเติบโตปานกลาง เปลือกเดิมและเปลือกงอกใหม่หนาปานกลาง
ควรใช้ระบบกรีดครึ่งลำต้น วันเว้นวัน มีต้นเปลือกแห้งจำนวนน้อย ต้านทานลมปานกลาง
ต้านทานโรคเส้นดำ โรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทรา โรคราแป้ง โรคใบจุดนูน และโรคราสีชมพู ปานกลาง
ต้นยางอายุ 1 – 2 ปี จะอ่อนแอต่อโรคราแป้ง และโรคใบจุดนูนไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และพื้นที่ที่มี
ระดับน้ำใต้ดินสูง
BPM 24
· ต้านทานโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทรา และโรคเส้นดำ ดี ต้านทานโรคราแป้ง โรคใบจุดนูน และโรคราสีชมพู ปานกลาง
มีต้นเปลือกแห้งจำนวนปานกลาง ต้านทานลมปานกลาง
ปลูกได้ในพื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่หน้าดินตื้น พื้นที่ที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง และพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
RRIT 226
ผลผลิตเฉลี่ย 284 กิโลกรัม / ไร่ / ปี ควรใช้ระบบกรีดครึ่งลำต้น วันเว้นวัน
การเจริญเติบโตระยะก่อนเปิดกรีดและระยะระหว่างกรีดปานกลาง ความสม่ำเสมอของขนาดลำต้นทั้งแปลงปานกลาง
ต้านทานโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโทรา และโรคเส้นดำ ดี ต้านทานโรคใบจุดนูน และโรคราสีชมพู ปานกลาง
และอ่อนแอต่อโรคราแป้ง
ปลูกได้ในพื้นที่ลาดชันและพื้นที่มีความชื้นสูง ไม่แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ที่มีหน้าดินตื้น และมีระดับน้ำใต้ดินสูง
RRIM 600
โรคยางที่พบ
โรคราแป้ง โรคใบร่วง ฝักเน่า โรคตายจากยอด โรคเปลือกเน่า โรคเส้นดำ โรคเปลือกแห้ง โครากขาว ปลวก
หนอนทราย โรคลำต้นเน่าของยางชำถุง
โรคตายยอด ( Die Back ) เกิดจากเชื้อรา ปลูกในพื้นที่ที่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต เช่น ปลูกในสภาพที่
เหมาะสมแก่การเกิดโรค มีสารพิษตกค้างในดิน ความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหาร มีน้อยหรือมากเกินไป อาการของโรคกิ่งก้านหรือ
ยอดแห้งตายจากปลายกิ่งหรือยอดเข้าหาส่วนโคนทีละน้อย แล้วลุกลามไปจนถึงโคนต้น ในที่สุดต้นยางจะยืนต้นตายถ้าอาการรุนแรง
ต้นยางจะแห้งตายตลอดทั้งต้น เปลือกล่อนออกจากเนื้อไม้ มีเส้นใยและสปอร์ของเชื้อราสีดำ หรือสีขาวเกิดขึ้นบริเวณเปลือกด้านใน
นอกจากนี้ มีแบคทีเรียและไส้เดือนฝอยอาศัยอยู่ทั่วไป
การป้องกันกำจัด หากเกิดจากการระบาดของโรค หมั่นบำรุงรักษาต้นยางให้แข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ หากเกิดจากสภาพสิ่งแวด
ล้อม เช่น กรณีที่สภาพดินเลวและแล้งจัด ให้รดน้ำตามความจำเป็น แล้วใช้วัสดุคลุมโคนต้นเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น การใช้ปุ๋ยและ
สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดกรณีที่กิ่งหรือยอดแห้งตายลงมาให้ตัดกิ่งหรือยอดที่ตายออก โดย
ให้ตัดต่ำกว่ารอยแผลลงมาประมาณ 1 – 2 นิ้ว แล้วทาสารเคมีป้องกันเชื้อราที่รอยแผล
โรคเปลือกแห้ง เกิดจากการกรีดเอาน้ำยางมากเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณเปลือกที่ถูกกรีดมีธาตุอาหารมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ จน
ทำให้เปลือกยางบริเวณนั้นแห้งตาย อาการระยะแรก สังเกตได้จากการที่ความเข้มข้นของน้ำยางจางลง หลังจากกรีดเปลือกยางจะแห้ง
เป็นจุด ๆ อยู่ตามรอยกรีด ระยะต่อมาเปลือกที่ยังไม่ได้กรีดจะแตกแยกเป็นรอยและล่อนออก ถ้ากรีดต่อไปเปลือกยางจะแห้งสนิทไม่มีน้ำ
ยางไหลออกมา
การป้องกันรักษา โดยหยุดกรีดยางนั้นประมาณ 6-12 เดือน จึงทำการเปิดกรีดหน้าใหม่ทางด้านตรงข้ามหรือเปิดกรีดหน้าสูงอย่าเร่ง
กรีดยาง
โรคใบร่วงและฝักเน่าจากเชื้อไฟทอปโทรา ( Phytophthora Leaf Fall and Pod Rot ) เกิดจากเชื้อรา มีอาการใบยาง
ร่วงพร้อมก้านทั้งที่ยังมีสีเขียวสด มีรอยช้ำดำ ขนาดและรูปร่างไม่แน่นอนอยู่บริเวณก้านใบ กลางรอยช้ำมีหยดน้ำยางเกาะติดอยู่ เมื่อนำ
ใบยางที่เป็นโรคมาสะบัดเบา ๆ ใบย่อยจะหลุดจากก้านใบทันที ส่วนใบที่ถูกเชื้อเข้าทำลายที่ยังไม่ร่วงจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมส้ม
แล้วแห้งคาต้นก่อนที่จะร่วงฝักยางที่ถูกทำลายเปลือกเป็นรอยช้ำฉ่ำ น้ำ ต่อมาจะเน่าดำค้างอยู่บนต้น ไม่แตกและไม่ร่วงหล่นตามธรรม
ชาติ กรณีที่เกิดกับต้นยางอ่อน เชื้อราจะเข้าทำลายบริเวณยอดอ่อนก่อน ทำให้ยอดเน่าแล้วจึงลุกลามเข้าทำลายก้านใบและแผ่นใบทำ
ให้ต้นยางยืนต้นตาย
<span class=&qu