puideedee.com

ปุ๋ยยา-ฮอร์โมนแค็ปซูลนาโนกับมะม่วงยักษ์ มะม่วงพันธุ์กิมหงษ์


ดีดีพลัส YIC.ของเยส ไอ แคน พัฒนาสู่ยุคใหม่ เข้มข้น ประสิทธิภาพสุดเยี่ยม ..เร็วๆนี้..

 

 


ภาคอีสาน จังหวัด กาฬสิน ชัยภูม โคราช นครราชสีมา ประจวบ ราชบุรี หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง แพร่ น่าน ตัวแทนจำหน่าย จังหวัด กรุงเทพ สระบุรี อ่างทอง นครปฐม นครสวรรค์ ขอนแก่น ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ 

ปุ๋ยแค็ปซูลนาโน เป็นธาตุอาหารของพืชแบบสกัดเข้มข้น ประกอบด้วยหัวเชื้อธาตุอาหาร 10 ชนิด แยกบรรจุในภาชนะจำนวน 6 ชุด ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปรตัสเซียม ธาตุอาหารรอง แม็กนีเซียม และแคลเซียม ธาตุอาหารเสริม โบรอน เหล็ก ทองแดง สังกะสี มังกานีส ธาตุอาหารปุ๋ยแค็ปซูลนาโนน เป็นอะตอมมิคนาโน ที่ช่วยสร้างเป็นอะมิโนธาตุเพื่อส่งเป็นอาหารพืชโดยตรง เมื่อนำไปใช้โดยการนำธาตุอาหารทั้งหมดรวมกัน ผสมน้ำขยายอัตราส่วนของหัวเชื้อธาตุอาหาร ใช้ได้กับพืชทุกชนิด ในอัตราที่แตกต่างกันตามชนิดของพืชที่ต้องการธาตุอาหารที่พอเหมาะ ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนสามารถให้ธาตุอาหารแก่พืชอย่างต่อเนื่อง  15-30 วัน ใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยแร่ธาตุ ปุ๋ยอินทรีย์ได้มากกว่า 50% ใช้ได้กับพืชไร่ พืชสวนทั่วไป และเห็ด ในอัตราผสมน้ำที่แตกต่างกัน1เม็ด 20 ลิตร 40 ลิตร ใช้ก้บพืนได้ในพื้นที่ทางการเกษตร 1-2 ไร่ ตามชนิดของพืช

           

 

 

ราคาปุ๋ย ราคาขายปุ๋ย ใช้นาโน 1 เม็ด 21 บาท ใช้ได้ 1 ไร่ 

การใส่ปุ๋ยข้าว,การใส่ปุ๋ยยางพารา ใช้นาโน 1 เม็ด 21 บาท ใช้ได้ 1 ไร่ 

การทำปุ๋ยหมัก,ปุ๋ยทางใบ,ปุ๋ยดีดี ใช้นาโน 1 เม็ด 21 บาท ใช้ได้ 1 ไร่ 

ร้านขายปุ๋ย,การใส่ปุ๋ยในนาข้าว ใช้นาโน 1 เม็ด 21 บาท ใช้ได้ 1 ไร่ 

อาหารเสริมพืช ใช้นาโน 1 เม็ด 21 บาท ใช้ได้ 1 ไร่ ..

เพราะใช้ปุ๋ยนาโน จึงประหยัดสุด ประโยชน์สูง ใช้แล้วดินดี มีแต่กำไร ใช้แล้วรวย

เพิ่มผลผลิตมากมาย ใช้แล้วดินดี เพราะให้อาหารทางใบ จึงสะสมอาหารไว้ที่ใบ จึงทนแล้งทนหนาว

ขั้วเหนียว ต้นตั้งตรงแข็งแรง ไร้โรค แมลงรบกวน เพราะไม่มีสารเคมี เป็นอินทรีย์ชึวภาพล้วนๆ

 

                       มะม่วงกิมหงษ์ยักษ์


 

            อาหารเสริม-แค็ปซูลนาโน   นาโนพลัส ช่วยเร่งดอกให้พืชออกดอกผลดก 

อัตราการใช้ปุ๋ย

1.ใช้แทนอาหารเสริมพืชฉีดพ่นทุก 15 วัน อัตรา จำนวน 1เม็ด ผสมน้ำ 40 ลิตร

2.ใช้แทนปุ๋ยทางดิน ฉีดพ่นทุก 30 วัน อัตราปุ๋ย จำนวน 1เม็ด ผสมน้ำ 20 ลิตร       

จัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์  EMS ด่วน ฟรี ทั่วประเทศ 

สั่งซื้อ/ติดต่อ คุณนิคมรัตน์ สาลีทำ โทร.080-0587-589 , 085-181-4656 ID Line: nimnano

ตัวแทนจำหน่าย +ขาย+ แค็ปซูลนาโน จังหวัด อยุธยา พิจิตร สุพรรณ นครสวรรค์ อุบลราชธานี อุดร ขอนแก่น  ลพบุรี

          

คนขายนาโนจังหวัดอยุธยา โมบายขายปุ๋ยแค็ปซูลนาโน จำหน่ายปุ๋ยพระนครศรีอยุธยา โทร.080-058-7589

บทความเรื่องปุ๋ยและมะม่วง

ปุ๋ย คือธาตุอาหารสำหรับพืช ที่ประกอบด้วยธาตุสำหรับพืช มีธาตุอาหารหลักที่มีความจำเป็นต่อเพืช ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุโปรตัสเซียม ธาตุอาหารรองเป็นธาตุอาหารที่มีความจำเป็นน้อยกว่าธาตุอาหารหลักเพื่อเพิ่มปริมาณอาหารให้แก่พืชสร้างความสมบูรณ์ ที่พืชมีความต้องการน้อยกว่าธาตุอาหารลัก ได้แก่ ธาตุแคลเซียม ธาตุแม็คนีเซียม และธาตุกำมะถัน  และธาตุอาหารเสริม ประกอบด้วย โบรอน เหล็ก สังกะสี และมังกานีส ช่วยสร้างภูมิต้านทางและเพิ่มผลผลิตให้แก่พืช

ประเภทของปุ๋ย ได้แก่ ปุ๋ยเคมี คือธาตุอาหารพืชที่ได้จากสิ่งธรรมชาติที่ไม่มีชีวิต ได้แก่ปุ๋ยสูตรต่าง ๆ ตามจุดประสงค์ของการผลิตตามความต้องการในประเภทของพืชแต่ละชนิด ปุ๋ยอินทรีย์คือธาตุอาหารสำหรับพืชที่ได้จากสิ่งที่มีชีวิต ซึ่งมีปริมาณที่ผลิตได้น้อยกว่าปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยทับถมจากซากพืชซากสัตว์ ปุ๋ยน้ำชีวภาพจากพืชและสัตว์  นอกจากนี้ด้วยวิวัฒนาการของการผลิตปุ่ยยังมีปุ่ยชนิดที่เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี สามารถสกัดธาตุต่าง ๆ ได้จากขบวนการทางเคมี และอินทรีย์ เป็นหัวเชื้อที่แยกธาตุที่สกัดได้นำมาให้เป็นธาตุอาหารสำหรับพืช เรียกว่าปุ๋ย นาโนไบโอเท่คโนโลยี หรือปุ๋ยนาโน สามารถให้พืชดูดซึมได้ทั้งทางเซลลำต้นและใบของพืช

ส่วนประกอบขบวนการสร้างอาหารพืชที่อยู่ในดินและการย่อยสลายอินทรีย์ธาตุในดิน  นอกจากปุ๋ยที่สามารถนำมาใช้ให้อาหารกับพืชโดยทั่วไปแล้ว ปุ๋ยหรืออาหารของพืชบางชนิดยังได้มาจากความสมดุลย์แบบธรรมชาติในดิน ได้แก่แร่ธาตุต่าง ๆ ช่วยบำรุงดินทำให้เกิดความสมดุลย์ ดินสามารถดูดซับธาตุต่าง ๆ ที่เป็นอาหารของพืชได้ดี ส่งที่ช่วยย่อยสลายอินทรีย์ธาตุในดิน เรียกว่าจุลินทรีย์ มีหลากหลายชนิด

ปุ๋ยเคมี  ปุ๋ยเคมีคือธาตุอาหารของพืชที่ได้จากขบวนการผลิตธาตุต่าง ๆ ที่ใช้เป็นอาหารของพืช เป็นธาตุเคมีได้จากการสกัดธาตุจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ได้แก่แร่ธาตุ อากาศ ดินและน้ำ โดยดึงอัตราส่วนและปริมาณธาตุมาไว้ด้วยกันโดยทั่วไป ปุ๋ยเคมีจะดึงธาตุอาหารพืชมาไว้ด้วยกัน 2ชนิดธาตุ ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน(N)มีมาในบรรยากาศของโลก ธาตุฟอสฟอรัส(P) มีมากในแร่ธาตุและน้ำ และธาตุโปรตัสเซียม(K)มีมากในแร่ธาตุและดิน การดึงจำนวนธาตุต่าง ๆ ตามอัตราที่พอเหมาะตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด เรียกว่า สูตรปุ๋ย ปุ๋ยเคมีตามสูตรต่าง ๆ ที่พบเห็ดบ่อย และมีจำหน่าย ในส่วนของแม่ปุ๋ย (ธาตุเดี่ยวหรือธาตุผสม 2 ตัวที่มีปริมาณมาในสัดส่วน) เช่น ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 (ปุ๋ยยูเรีย) ,ปุ๋ยเคมีสูตร 18-46-0 (ไดแอมโมเนียมฟอสเฟส) ,ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 (ปุ๋ยโปตัสเซียมคลอไรด์) นอกจากนี้แม่ปุ๋ยยังมีอีกหลายสูตร บางสูตรจัดหาซื้อยาก ราคาแพง และเป็นเคมีภัณฑ์ที่ถูกควบคุมในการนำเข้า ธาตุเคมีในอัตราสูงเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการจุดระเบิดด้วยตัวเอง ได้แก่ สูตร 0-46-0 (ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟส) สูตร 35-0-0 (แอมโมเนียมไนเตรท) เป็นต้น ปุ๋ยเคมีที่นำมาใช้กับพืชที่เป็นแม่ปุ๋ยก็มี หรือเป็นปุ๋ยที่ผสมเพื่อให้ได้สูตรอัตราตามที่ใช้กับพืช เช่น ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ปุ๋ยสูตร 16-8-16 ปุ๋ยสูตร 16-8-8 ปุ๋ยสูตร 21-4-21 ฯลฯ
 

ปุ๋ยอินทรีย์ คือปุ๋ยที่ได้จากธรรมชาติจากสิ่งที่มีชีวิต ได้แก่ ปุ๋ยหมัก ซากพืช ซากสัตว์ ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยน้ำหมักซากพืชและซากสัตว์  ยังมีปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดที่ได้จากการคัดสารธาตุอาหารจากสิ่งมีชีวิตโดยวิธีการหมักและวิธีการผสมแม่ปุ๋ยเข้ากับอินทรีย์ธาตุแล้วแต่กรณีของการผลิต เรียกว่าปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด ที่พบเห็นกันในตลาดขายปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยอินทรีย์เอไอบิสเนตไทย ปุ๋ยอินทรีย์ตราบัวทิพย์ ปุ๋ยอินทรีย์ตราบัวทิพย์ ปุ๋ยอินทรีย์ตราขวัญดิน ปุ๋ยอินทรีย์ตราเกษตรทอง ปุ๋ยอินทรีย์ตราแม่โจ้ ปุ๋ยอินทรีย์ตราดอกซากุระ ปุ๋ยอินทรีย์แซมโกร์วตราสายฟ้าสายฝน ปุ๋ยอินทรีย์ตราโต๊ดโต กาโบชิ นอกจากนี้ยังมีปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยแร่ธาตุบำรุงดิน ได้แก่ ปุ๋ยทอช ปุ๋ยโวคานิค  ยังมีปุ๋ยอีกมากมายที่วางขายในท้องตลอด แต่ที่สรุปได้ประเภทของปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตออกจำหน่ายในท้องตลาดจะมีประเภทปุ๋ยที่ได้มาตรฐานและไม่ได้มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์จากผลการรับรองของกรมวิชาการเกษตร ปริมาณอินทรีย์ธาตุบำรุงดิน มี 2 ลักษณะ คือประเภทปุ๋ยอินทรีย์ที่นำแม่ปุ๋ยเข้าไปผสม และปุ๋ยอินทรีย์แท้ที่เกิดจากการหมักจากปุ๋ยคอก ซากสัตว์ และซากพืช ที่มีทั้งอินทรีย์ธาตุมาตรฐานที่ใช้บำรุงดิน และธาตุอาหารบำรุงพืชพอสมควร

ปุ๋ยชีวภาพอินทรีย์สกัด และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ เป็นปุ๋ยอินทรีย์แบบน้ำโดยการหมักและย่อยสลายอินทรีย์จากซากพืชสดและซากสัตว์ ได้แก่ ปุ๋ยชีวภาพสกัด ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยน้ำสกัด ลักษณะการย่อยสลายอินทรีย์ธาตุคล้ายกับปุ๋ยหมัก แตกต่างตรงกันที่เป็นลักษณะน้ำ และเป็นกากปุ๋ย ให้กับพืชโดยการรดที่โคนต้น และให้ทางใบ การนำปุ๋ยหมักมาย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์แบบน้ำ และการใช้ซากสัตว์เล็ก ๆ พืชสดอวบน้ำมาทำการย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ชั้นสูงหรือน้ำอีเอ็ม หรือหัวเชื้อจุลินทรีย์ของกรมพัฒนาที่ดิน (พด.1) เติมกากน้ำตาล หรือน้ำทรายแดงเพื่อเป็นอาหารจุลินทรีย์ เมื่อย่อยสลายแล้วนำน้ำหมักที่ได้ไปใช้ให้ปุ๋ยทางใบกับต้นพืช ในอัตราการใช้ที่เข้มข้นเวลาใช้นำไปผสมน้ำในอัตรา 1:500  หรือ 1: 1000 แล้วแต่ความเข้มข้นที่ใช้ในการหมัก

ปุ๋ยน้ำอะตอมมิคนาโนเทค เป็นขบวนการสกัดธาตุอาหารของพืชด้วยเทคโนโลยี โดยการสกัดธาตุอาหารที่ได้จากพืช และแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อให้ได้หัวเชื้อธาตุแบบเข้มข้นสมบุรณ์ มีอัตราความเข้มข้นและความบริสุทธิ์ของธาตุได้มากและขบวนการที่พืชสามารถดูดซับธาตุต่าง ๆ เข้าไปในเซลของต้นพืชได้ทุกส่วนอย่างรวดเร็ว มีทั้งปุ๋ยที่ให้ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมของพืชการใช้ตามวัตถุประสงค์แล้วแต่กรณี และขบวนการผลิต สำหรับกรณีเพื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดิน ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยน้ำทั่วไป เพื่อเพิ่มธาตุอาหารเสริมให้แก่พืช เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า ปุ๋ยอาหารเสริมพืช หรือปุ๋ยฮอร์โมน บางอย่างใช้ทดแทนธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมที่สมบุรณ์ ทดแทนปุ๋ยทางดินได้ 50% เรียกว่าปุ๋ยนาโน ลักษณะบรรจุเบ็ดเสร็จขวดเดียว หรือแยกบรรจุธาตุเพื่อนำมาให้กับพืชได้ตามความต้องการ ตามลักษณะการใช้ ปุ่ยนาโนส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจนกับการใช้ เนื่องจากปุ๋ยประเภทนี้จะผลิตออกมาเพื่อวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันสภาพความเสื่อมของดินทดแทนปุ๋ยเคมีทางดิน และปลอดสารพิษ ที่ไม่สามารถทำการตรวจวัดอัตราของธาตุเคมีได้ ปุ๋ยชนิดนี้มีมากมาย เป็นตราผลิตภัณฑ์ปุ๋ย(ยี่ห้อ) แต่ทั้งหมดทั้งหลายย่อมมาจากพื้นฐานจากธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมของพืชที่ประกอบด้วยธาตุ 16 ธาตุที่พืชต้องการ มีทั้งมหธาตุ และจุลธาตุ ตามที่เกษตรกรได้พบเห็นในระบบขายแบบสร้างเครือข่าย ได้แก่ ปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่นนาโน ปุ๋ยอะโกรนาโน ปุ๋ย 5 พลัง ปุ๋ยโมโกจู ฯลฯ เป็นต้น

ปุ๋ยแค็ปซูลนาโน  เป็นปุ๋ยนวรรตกรรมใหม่ใช้ขบวนการผลิตแบบนาโนเทคโนโลยี สกัดธาตุอาหารพืชที่เข้มข้น ตามลักษณะของธาตุอาหาร หลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมของพืช ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรตัสเซียม แม็คนีเซียม แคลเซียม (ไม่มี กำมะถัน) โบรอน เหล็ก สังกะสี ทองแดง และมังกานีส แยกบรรจุในภาชนะที่มีอัตราส่วนและปริมาณที่แตกต่างกัน เมื่อต้องการนำไปใช้กับพืชให้นำธาตุอาหารที่แยกบรรจุมารวมกันและเพิ่มปริมาณน้ำเพิ่มขนาดเป็นตัวพา นำไปฉีดพ่น พืชจะสามารถดูดซับเข้าไปได้อย่างรวดเร็วและสร้างเป็นอะมิโนธาตุ สำหรับพืชได้อย่างต่อเนื่อง  30 วัน สามารถใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ในอัตราการใช้ที่ต่างกัน

การซื้อปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์  ปุ๋ยเคมีให้เลือกซื้อตามสูตรที่เหมาะสมกับพืช ตามความต้องการของพืชแต่ลิชนิด เริ่มจากการทดลองที่เกิดผลผลิตที่เหมาะสม ตามลักษณะของพืช ปัจจุบันมีข้อสรุปผลการวิจัยไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกษตรกรจะเข้าใจวิธีการใช้สูตรปุ๋ยได้โดยง่าย ตามลักษณะการจัดธาตุเป็นสูตรปุ๋ยเคมี NPK นั่นเอง ตราปุ๋ยที่ต้องการซื้อเกิดจากการทดลองใช้และตามความสะดวกซื้อ สำหรับปุ๋ยอินทรีย์เป็นปุ๋ยที่ไม่มีสูตรธาตุ วิธีการซื้อควรเลือกซื้อเพื่อจุดประสงค์การบำรุงดินที่มีอินทรีย์ธาตุเป็นหลัก ซึ่งเกิดจากการทดลองใช้ ทีละน้อยก่อน เมื่อเห็นผลแล้วจะใช้เป็นจำนวนมากได้ แต่ถ้าต้องการซื้อให้ได้ผล ให้ดูดจากหนังสือรับรองเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานรับรองโดยหน่วยงานกรมวิชาการเกษตร จะได้ปุ๋ยอินทรีย์แท้ที่ได้มาตรฐาน เป็นต้น
 

ปุ๋ยปลอม  คือปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐาน มีทั้งปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ จากปุ๋ยเคมีปลอมได้แก่ ปุ๋ยผสมอัตราสูตรของธาตุไม่ได้ตามที่ระบุไว้ข้อถุง ซึ่งส่วนประกอบไม่เป็นไปตามกำหนด แต่ขายในราคาปุ๋ยที่ได้มาตรฐาน หรือปุ๋ยที่ทำเทียมโดยใช้ถุงบรรจุของปุ๋ยแท้มาทำการบรรจุเอง เป็นต้น ปุ๋ยอินทรีย์มีทั้งปุ๋ยอินทรีย์ปลอม และปุ๋ยอินทรีย์ไม่แท้ ขึ้นอยู่ที่การนำเสนอโฆษณา เช่น ปุ่ยอินทรีย์ที่ผสมแม่ปุ๋ยเข้าไป เรียกว่าปุ๋ยอินทรีย์ผสม หากได้โฆษณาว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ผสมแล้วก็เป็นของแท้ แต่หากข้อมูลไม่ตรงความจริง ก็เรียกปุ๋ยอินทรีย์ปลอม หรือในกรณีที่ปุ๋ยอินทรีย์ของแท้แต่ได้มีการนำถุงปุ๋ยมาบรรจุเปลี่ยนเป็นสูตรผสมเอง ก็เรียกว่าปุ๋ยปลอม ดังนั้นการเลือกซื้อปุ๋ยอินทรีย์ต้องขึ้นอยู่กับวัสถุประสงค์ความต้องการของผู้ใช้ ว่าต้องการปุ๋ยอินทรีย์แท้ คือปุ๋ยอินทรีย์ที่เกิดจากการหมัก และส่วนผสมต้องมีธาตุอาหารบำรุงพืชที่เป็นอินทรีย์ รวมถึงอินทรีย์ธาตุที่ใช้บำรุงดินทำให้ดินร่วนซุย และสิ่งที่จะทำให้ดินร่วนซุยได้ต้องมีการย่อยสลายตัวเองซึ่งเกิดจากการย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ได้ด้วย

ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยแค็ปซูลนาโน วาย ไอ ซี ประเทศ แคนนาดา เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้บำรุงดิน และบำรุงพืช มีมาตรฐานการรับรองเป็นปุ๋ยอินทรีย์จากกรมวิชาการเกตร ขบวนการผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่หมักแท้จากวัสดุซากพืชและมูลสัตว์ในพื้นที่ ได้แก่ ซากซังอ้อยในโรงงานน้ำตาล กากน้ำตาลที่เหลือจากโรงงานทิ้ง ซากพืชต่าง ๆ ในพื้นที่ ตอซังข้าว และซากพืชอีกหลายชนิด ปุ๋ยคอกได้แก่ ปุ๋ยมูลวัว ควาย และมูลค้าวคาว แร่ภูไมท์ การหมักเกินกว่า 6 เดือนขึ้นไป ทำการอัดเม็ดด้วยแร่งภูเขาไฟช่วยบำรุงดิน ไม่ใช้ดินผสมอัดเม็ด มีความพร้อมเป็นปุ๋ยอินทรีย์แท้เพื่อบำรุงดิน และมีธาตุอาหารของพืชที่พอเหมาะ จุดประสงค์การบำรุงดินและให้ธาตุอาหารบำรุงพืชเป็นหลัก

   


มะม่วง  เป็นไม้ยืนต้นในตระกูล Mangifera เป็นไม้ผลเมืองร้อน เป็นต้นไม้ที่มีพุ่มขนาดกลาง ใบดต ยาว ปลาใบแหลม ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง หรือตามตากิ่ง ดอกขนาดเล็กเป็นช่อพวง มีสีขาวอมเหลือง ผลอ่อนมีสีเขียว และแก่จะสีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง เป็นผลไม้เศรษฐกิจ ปลูกเป้นพืชสวน ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่นอน แต่คาดว่าจะแพร่พันธุ์อยู่ในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามลักษณะภูมิอากาศค่อนค้างร้อนชื้น  มีหลายสายพันธุ์ จากการสำรวจตามลักษณะผลและรสชาดที่แตกต่างกันประมาณ 50 สายพันธุ์ ในประเทศไทยมีการปลูกมะม่วงมาช้านาน


พันธุ์มะม่วง  มีที่เป็นมะม่วงที่ปลูกไว้สำหรับรับประทาน และ มะม่วงป่าซึ่งขึ้นอยู่ตามธรรมชาติและมีการปลูกไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์มะม่วงป่า เพื่อส่งเสริมการศึกษาทางธรรมชาติและป่าไม้ของไทย พันธุ์มะม่วงในประเทศไทยที่นำมาปลูกไว้เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อรับประทาน ดังนี้

1. มะม่วงสำหรับรับประทานแบบดั้งเดิม จะมีรสหวานเพื่อตอนแก่จัด แต่ยังไม่ถึงขั้นสุกทีเดียว ได้แก่ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงแรด มะม่วงพิมเสนมัน มะม่วงทองดำ มะม่วงเขียวไข่กา มะม่วงพญาเสวย มะม่วงหงสาวดี มะม่วงลิ้นงูเห่า  ส่วนอีกพันะหนึ่งมีรสชาดมันแต่ไม่เปรี้ยวตั้งแต่ผลยังเล็ก ได้แก่ มะม่วงสายฝน มะม่วงสวนทิพย์ มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงหนองแซง มะม่วงแห้ว ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งผลดิบทุกชนิด โดยปกติแล้วมะม่วงสามารถเก็บได้ไม่กี่วันก็จะเริ่มสุก ทำให้มีรสชาติหวานไม่อร่อย จึงไม่นิยมนำมารับประทานแบบสุก แต่มีบางสายพันธุ์ที่สามารถรับประทานแบบสุกก้ได้ เช่น มะม่วงทองดำ มะม่วงแรด มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงลิ้นงูเห่า มะม่วงหงสาวดี และมะม่วงพันธุ์เขียวสามรส(มะม่วงกิมหงษ์) เป็นต้น

2. มะม่วงใช้รับประทานผลสุก  เมื่อมะม่วงแก่จัดจะต้องทำการบ่มให้สุกก่อนรับประทาน เพื่อให้ได้มะม่วงคุณภาพดีไม่ช้ำ ก่อนนำมารับประทาน ในขณะที่ยังดิบอยู่จะมีรสชาดเปรี้ยว เมื่อผลสุกจะมีรสชาดหวาน เช่น มะม่วงอกร่อง มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงหนังกลางวัน มะม่วงพิเสนพราหมณ์ มะม่วงตลับนาก มะม่วงแสงทอง มะม่วงนวลจันทร์ และมะม่วงลิ้นงูเห่า

3. มะม่วงที่ใช้แปรรูป เป็นมะม่วงที่มีเนื้อค่อนข้างแข็ง มีผลดกจะมีขนาดเล้กจนถึงขนาดปานกลาง ผลแก่มีรสชาดมันอมเปรี้ยว และเมื่อมะม่วงสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว หรือรสจืดชืด ผลดิบสามารถทำเป็นมะม่วงตากแห้ง และมะม่วงดองได้  เมื่อผลสุกสามารถใช้เนื่อทำมะม่วงกวน และมะม่วงแผ่น (ส้มแผ่นหรือส้มลิ๊ม)  ส่วนผลมะม่วงที่สามารถนำมาใช้แปรรูปกันอย่างแพร่ไลย ได้แก่ มะม่วงแก้ว มะม่วงพิมเสน สำหรับมะม่วงสามปี ของภาคเหนือนิยมใช้ผลสุกทำแยม และคั้นเอาน้ำบรรจุกระป้องเป้นน้ำผลไม้มะม่วงกระป๋ง เป็นต้น

    
    มะม่วงพันเขียวสามรส(กิมหงษ์)               มะม่วงพันธุ์มหาชนก 

มะม่วงพันธุ์มหาชนก  มีต้นกำเนิดจากประเทศไทย เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดเป็นการผสมระหว่างมะม่วง 2 สายพันธุ์ คือมะม่วงพันธุ์ซันเซท และมะม่วงพันธุหนังกลางวัน  โดยคุณคงเดช ทิวทอง ได้นำมะม่วงพันธุ์นี้มาจากอาจารย์ประพัฒน์ สิทธิสังข์ ที่อำเภอสันทาย จังหวัดเชียงใหม่ นำมะม่วงพันธุ์นี้มาทดลองปลูกไว้ที่สวน ที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และได้พบว่า มะม่วงดังกล่าวมีสีเหลืองอมแดง หรือสีแก้มแหม่ม ใสส้มคล้ายพันธุ์ซันเซท จึงสันนิษฐานว่า มะม่วงดังกล่าวน่าจะเกิดจากการผสมพันธุ์กันแบบข้ามสายพันธุ์จนกลายเป็นพันธุ์ใหม่  จึงได้ตั้งชื่อว่า"มะม่วงมหาชนก"
 

มะม่วงพันธุ์กิมหงษ์ (เขียวสามรส) มีต้นกำเนิดถิ่นฐานเดิมมาจากประเทศไต้หวัน ได้นำเข้ามาในเมื่องไทยประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ลักษณะต้นสุงขนาดกลาง 10-20 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นคู่ ๆ เวียนสลับกานอย่าหนาแน่น บริเวณปลายยอด ใบเป็นรูปหอกคล้ายกับมะม่วงเขียวเสวย การออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกจะเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลมีขนาดใหญ่ ยาว หากผลมีขนาดที่โตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม การติดผลจะเป้นพวงประมาณ 3-5 ผล ห้อยเป็นระย้าสวยงาม    ผลดิบจะมีรสเปรี้ยว ผลแก่จะมีรสมันมีเนื้อแน่น ไม่แข็ง ไม่เป็นเสี้ยน กรอบอร่อย ผลสุกจะมีรสหวาน เนื้อไม่เละ หอมหวานคล้ายกับมะม่วงเขียวเสวย มีเมล็ดลีบ สามารถติดผลได้ปีละ 2 ครั้ง หรือติดผลได้ตลอดทั้งปี การขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง เสียบตายอด

การใช้ปุ๋ยกับมะม่วงเขียวสามรส  เป็นมะม่วงที่ชอบดินที่มีอินทรีย์ธาตุสูง ดินร่วน หรือร่วนเหนียวสามารถระบายน้ำได้ดี การใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 การบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรียื จะทำให้ได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ ตามปกติมะม่วงพันธุ์กิมหงษ์ จะมีขนาดของลูกใหญ่ แต่การปลูกที่เดินเสื่อมจะทำให้กลายเป็นพันธุ์ลูกเล็กลง ควรมีการบำรุงดินอย่างดีด้วยปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลง เกษตรกรใช้ปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่นฉีดพ่นทางใบทดแทนปุ๋ยเคมี ได้ผลผลิตที่สมบุรณ์ดี ใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีให้น้อยลง หรือใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เอไอบิสเนต ที่มีธาตุอาหารบำรุงพืชและบำรุงดินด้วยอินทรีย์ธาตุที่สมบุรณ์


มะม่วงอินทรชิต 
เป็นมะม่วงกินสุก ลักษณะดิบจะมีเนื้อกรอบแต่มีรสเปรี้ยวเมื่อสุกจะมีรสหวาน เหมาะสำหรับการทำมะม่วงแปรรูป เช่นส้มแผ่น หรือมะม่วงตากแห้ง มะม่วงอินทรชิตดิบจะมีสีเขียวปนแดงมีสีสวยงามลักษณะคล้ายกับสีของมะม่วงมหาชนก แต่ขนาดของลูกเล็กกว่า

มะม่วงกะล่อน เป็นมะม่วงป่ามีลูกขนาดเล็ก รูปทรงของผลกลมแป้นเล็กน้อย มีดอกสีเหลืองออกตามช่อดอก มีลูกดอกดิบมีรสเปรี้ยวเมาะสำหรับทำเครื่องยำ สุขมีรสหวานเนื้อค่อนข้าวเละ เปลือกบางเละเมื่อสุกเมื่อมะม่วงสุกจะมีกลิ่นหอม นิยมนำไปทำแปรรูปฝานทั้งเปลือกตากแห้ง ชอบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ แพร่พันธุ์โดยนกหรือค้างคาวได้คาบลูกและปล่อยเมล็ดตกหล่นตามพื้นที่ดินเนื่องจากเป็นมะม่วงที่มีขนาดของลูกเล็ก มะม่วงกะล่อนที่พบเห็นจะมี 2 ชนิด คือมะม่วงกะล่อนหอม และมะม่วงกะล่อนทอง
 

มะม่วงไม่รู้หาว เป็นต้นไม้ผลปลูกไว้เพื่อประดับสวน หรือเพื่อการศึกษามีสรรพคุณทางสมุนไพร และวิตามินซีมีรสเปรี้ยวจัด สำหรับผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ มะเร็ง ถุงลมปอด เบาหวาน ไต เก๊าท์ ไทรอยด์ ขยายหลอดเหลือด จากข้อมูลส่วนหนึ่งระบุว่าผลไม้ดังกล่าวในเรื่องนี้ก็คือ ‘มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ หรือบางแห่งเรียกว่า ‘มะม่วงรู้หาว มะนาวรู้โห่’ ซึ่งเป็นพืชชนิดเดียวกันคือ ‘หนามแดง’ ในปัจจุบัน (แต่บางแห่งก็บอกว่าคือ ‘มะงั่วไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ ซึ่งเท่ากับเป็นพืชสองชนิด และมะงั่วก็มีลักษณะคล้ายมะนาวแต่ลูกใหญ่กว่า)

ชุดทดลองใช้ 6 แค็ปซูล ราคา 300 บาท ใน 1 กระปุก มี 120 แค็ปซูล ราคา 2,500 บาท 

พิเศษ! ราคาสมาชิก4,500 บาท (รวมกันได้ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ)ใช้ไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน

สมัครสมาชิก ฟรี  ,ซื้อครั้งต่อไปมีส่วนลดอีก 1,000บาท

 

จัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์  EMS ด่วน ฟรี ทั่วประเทศ 

สั่งซื้อ/ติดต่อ คุณนิคมรัตน์ สาลีทำ โทร.080-0587-589 , 085-181-4656 ID Line: nimnano

ตัวแทนจำหน่าย +ขาย+ แค็ปซูลนาโน  

                                    

ค้นหา;การใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับนาข้าว,การใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับเห็ด,กการใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับอ้อย,การใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับสับปะรด,การใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับมันสำปะหลัง,การใช้ปุ๋ยแค็ปซูลนาโนกับมะนาว,การกำจัดเพลี้ยกระโดด

 Tags:ค้นหาข้อมูลมะม่วงกิมหงษ์,มะม่วงกิมหงส,หรือมะม่วงเขียวสามรส,เอ็นฟังก์ชั่นกับมะม่วงใหญ่,การใช้ปุ๋ยกับมะม่วงกิมหงษ์,ปุ๋ยดีดีกับมะม่วงลูกใหญ๋,ปุ๋ยดีที่สุดกับมะม่วงกิมหงษ์,ประเภทของปุ๋ย,ปุ๋ยเคมี,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยมาตรฐาน,ปุ๋ยปลอม,ปุ๋ยนาโนอะตอมมิค,ปุ๋ยทอส,ปุ๋ยโวคานิค,แร่ธาตุบำรุงดิน,สูตรปุ๋ยเคมี,ปุ๋ยยูเรียคือปุ๋ยอะไร,แอมโมเนียมไนเตรท,ปุ๋ยระเบิด,ปุ๋ยทำระเบิด,วิธีปลูกมะม่วงลูกใหญ่,มะม่วงกิมหงส์ลูกใหญ่,พันธุมะม่วงยักษ์, นิ่มนิ่มนิ่คำบรุพบท เช่น กับ แก่ แต่ ต่อ ด้วย โดย ตาม ข้ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ นิคมรัตน์ สาลีทำ โทร.080-0587589าง ถึงติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ นิคมรัตน์ สาลีทำ โทร.080-0587589 จาก ของ จน ใน บน ใต้ สิ้น สำหรับ นอก เพื่อ ของ เกือบ ตั้งแต่ แห่ง ที่ เป็นต้น

คำหลัก/ คีย์เวิร์ด : ข้าว,พันธุ์ข้าวไทย,ข้าวไทย,ชนิดพันธุ์ข้าว,วิธีการปลูกข้าว,การทำนาข้าว,นาข้าว,ปุ๋ยดีกับนาข้าว,ปุ๋ยดีกับข้าว,ปุ๋ยกับนาข้าว,การใช้ปุ๋ยกับนาข้าว,วิธีใช้ปุ๋ยกับนาข้าว,การใช้ปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่น,วิธีการใช้ปุ๋ยกับนาข้าว,วิธีการใช้ปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่นกับนาข้าว,การใช้ปุ๋ยยูเรีย,วิธีการใช้ปุ๋ยยูเรีย,การใช้ปุ๋ยยูเรียกับนาข้าว,ปัญหาของข้าว,โรคที่เกิดกับต้นข้าว,การกำจัดแมลงในนาข้าว,กำจัดเพลี้ยกระโดดในนาข้าว,การกำจัดเพลี้ย,บูวาเรียกำจัดเพลี้ย,ร้านขายบูวาเรีย,ปุ๋ยข้าว,ร้านขายปุ๋ยเอ็นฟังก์ชั่น, ร้านขายปุ๋ยกับนาข้าว,ต้องการขายปุ๋ย,ต้องการเปิดร้านขายปุ๋ย, สารอินทรีย์กำจัดแมลง,วิธีการใช้สารอินทรีย์กำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล,แนะนำการปลูกข้าว