puideedee.com

แกงเขียวหวานไก่ใส่ยอดมะพร้าวอ่อน  แกงเขียวหวานเป็นเมนูสูตรอาหารไทยประเภทแกงที่มีรสเผ็ดเหมือนแกงชนิดต่าง ๆ ทั่วไป แต่ที่แตกต่างคือการกะระยะเวลาในการทำและเครื่องแกงเป็นพริกสดที่จะส่งกินความสดของเครื่องแกง แกงเขียวหวานสูตรดั้งเดิม ในส่วนโปรตีนจะใช้เนื้อไก่ แต่ในปัจจุบันจะมีการดัดแปลงตามสูตรเด็ดของตนเองได้หลากหลาย เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลาขูด  การดับแปลงการใช้เนื้อสัตว์เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ตรึง เนื้อสัตว์จะแพงขึ้นมากตามเทศกาล จึงได้เปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อื่น ๆตามเท่าที่จะหาได้ และเกิดจากสภาพของผู้บริโภคที่ทำเพื่อรับประทานเองก่อน อาจเกิดจากความนิยมส่วนตัวในการรับประทานเนื้อสัตว์ และ โรคภูมิแพ้ในการับประทานเนื้อสัตว์ จึงได้หลีกเลี่ยงจากเนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์อื่นตามต้องการ และนอกจากนี้แกงเขียวหวานสูตรดั้งเดิมใจใช้ มะเขือพวงเป็นส่วนประกอบการปรุง ซึ่งสูตรการทำอาหารไทยแต่โบราณถูกพัฒนามากจากสมุนไพรไทยรักษาโรค ซึ่งส่วนประกอบของอาหารจะมีคุณสมบัติสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกัน เมื่อนำมาประกอบเป็นอาหารด้วยกันจะช่วยรักษาอาการของโรคได้  ปัจจุบันนอกจากมะเขือพวงจะหาได้ยาก จึงได้ดัดแปลงมาใช้ผักอื่น ๆ แทน เช่น มะเขือเปราะ มะเขือยาวหั่วท่อน หน่อไม้สด   ยอดมะพร้าวอ่อน หรือหน่อสับปะรด เป็นต้น

 



ส่วนประกอบ  เนื้อสะโพกไก่สับ , กระทิ(หากเป็นกระทิสดให้คั้นแยกหัวกระทิและหางกระทิจะได้รสชาดดี),ยอดมะพร้าวอ่อน,ใบมะกรูด,โหรพา,พริกชี้ฟ้าแดง,มะเขือเปราะ,พริกแกงเขียวหวาน,น้ำตาลทรายขาว,น้ำปลา,น้ำมันพืช

วิธีการปรุง เทน้ำมันพืชใส่ในกระทะตั้งเตาร้อนปานกลาง นำพริกแกงเขียวหวานลงคั่วจนหอมกลิ่นพริกแกง นำไก่สดลงคั่วพอใกล้สุก นำหัวกระทิใส่ลงไปพอเหมาะ เคี่ยวต่อพอกระทิเริ่มแตกมันเล็กน้อย ใส่พริกชี้ฟ้าแดงและใบมะกรูด  คน 2-3 ครั้ง (แต่ละเคล็ดลับหรือจะนำไว้แต่งหน้าเพื่อความสวยงามก็ได้) นำมะเขือที่หั่นไว้ ใส่แล้วคนเล็กน้อย ใส่ยอดมะพร้าวหั่นลงไป รอใกล้สุกจึงใส่กระทิที่เหลือหากมีหางกระทิให้ใส่ลงไปพอให้ได้ได้ปริมาณน้ำแกง ปรุงรสเค็ม-หวาน น้ำปลาน้ำตาล(ใส่น้ำปลาก่อนแล้วตัดหวานด้วยน้ำตาลทราย) ตั้งทิ้งไว้ไม่ต้องคนพอกระทิเดือดน้ำแกงมีกลิ่นหอม จึงใส่ใบโหรพา แล้วยกออกจากเตา เป็นอันเสร็จ ปล่อยทิ้งไว้ให้อุ่น จึงตักเสริฟช์ จะได้แกงเขียวหวานรสเด็ดหอมหวานกลิ่นสมุนไพร สามารถนำไปรับประทานกับข้าวสวย หรือขนมจีนได้ตามชอบ

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ดูแลสุขภาพที่อาจเกิดโรค เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือสูง ไมเกรน อัมพฤกษ์ เก๊าท์ เจ็บปวดกล้ามเนื้อเส้นเอ็นก่อนวัยอันควร ริดสีดวง ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ปกติ การขับสารพิษในร่างกายและระบบการทำงานของตับอ่อน การบำรุงไขข้อ


 

 อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปลอดภัย ราคาดีที่สุด โลกออนไลน์ 

 

   

 

 

 

 

อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปลอดภัย ราคาดีที่สุด โลกออนไลน์  เอ็กซ์ แฟคเตอร์  ปัจจัย X อะไรที่ดีกว่าเสมอ


สมฤดีออไรซ่า          ทอร์โบไรซ์       เอ.ไอ-ซีพลัสส     ทอนาโดเอ็กซ์

 

บทความเกี่ยวกับแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวานสูตรต่าง ๆ ได้ดัดแปลงมาจากสูตรเขียวหวานรสชาดเดิม ซึ่งเป็นสูตรโบราณที่มีสรรพคุณทางยาจากเครื่องสมุนไพรไทย เสน่ห์ปลายจวักแม่บ้านไทย รสชาดที่อร่อยไม่เหมือนผู้ใดอยู่ที่ขั้นตอนในการปรุงอาหารและระยะเวลาในการตั้งไฟ ซึ่งเป็นเคล็ดลับความชำนาญเฉพาะตัว ถึงแม้ว่าจะใส่ทุกอย่างเหมือนกันจำนวนเท่ากันและรสชาดและความนุ่มนวลหอมหวานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ที่เคล็ดลับนั่นเอง

ส่วนผสมหลัก เนื้อไก่ 500 กรัม,น้ำพริกแกงเขียวหวาน 200 กรัม,กะทิ 1,000 กรัม,หัวกะทิ 250 กรัม,มะเขือพวง 400 กรัม,พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง 30 กรัม,ใบโหระพา 40 กรัม,ใบมะกรูด 2 กรัม,น้ำตาลปี๊บ 30 กรัม,น้ำปลา 80 กรัม**

น้ำพริกแกงเขียวหวาน   พริกขี้หนู 30 กรัม,พริกชี้ฟ้า 10 กรัม,ตะไคร้ 15 กรัม,ข่า 7 กรัม,ผิวมะกรูด 8 กรัม,กระเทียม 60 กรัม,ลูกผักชี 5 กรัม,หัวหอม 40 กรัม,ยี่หร่า 2 กรัม,พริกไทย 3 กรัม,รากผักชี 5 กรัม,ใบโหระพา 20 กรัม,กะปิ 10 กรัม,เกลือ 5 กรัม,น้ำมัน 150 กรัม**

คุณค่าทางสมุนไพรไทย
 

-มะเขือพวง : เป็นยาระงับปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ
-ใบมะกรูด : ช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง
-ใบโหระพา : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร
-พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง : ช่วยเจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ช่วยขับเสมหะ แก้หวัด
-หัวหอม : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก
-กระเทียม : ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
-ข่า : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ
-ตะไคร้ : ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ
-รากผักชี : ช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย แก้โรคกระเพาะ
-พริกไทย : ช่วยย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง ขับลม ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย
-ยี่หร่า : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร**

(**) ข้อมูลสนับสนุนจากเว็บไซต์: www.panyathai.or.th 
 

มีคอมเม้นท์ : เสน่ห์การทำอาหารเรียกได้ว่า "เสน่ห์ปลายจวัก" การทำสื่อเป็นการสอนวิธีการปรุงอาหารตามสูตรและชนิดเมนูอาหารแบบกลาง ๆ การทำอาหารให้มีรสชาดถูกปากขึ้นอยู่ที่ประสบการณ์ และรสนิยมของผู้รับประทานส่วนใหญ่ ซึ่งจะให้ชอบในรสชาดอาหารที่เหมือนกันเป็นไปได้ยาก จึงได้มีการกำหนดรสชาดของอาหารของคนแต่ละภาค แต่ละเชื้อชาติซึ่งไม่เหมือนกัน ในเมืองไทย เช่น ชาวภาคเหนือ ชาวภาคกลาง ชาวภาคใต้ หรือชาวภาคอิสาน  ย่อมมีเมนูอาหารที่รสชาติแตกต่างกัน หรือมีเมนูอาหารเฉพาะภาค เสน่ห์วิธีการปรุงอาหารซึ่งกุ๊กต่างคนกัน เมนูอาหารเดียวกัน เครื่องปรุงที่เหมือนกันอัตราส่วนประกอบเท่ากัน ก็ใช่ว่าจะปรุงอาหารได้รสชาดเดียวกันเสมอไป  ปัจจัยส่วนประกอบการปรุงอาหารให้รสชาดอร่อยเฉพาะตัว ขึ้นอยู่ที่ปัจจัยประกอบคือ รูป รส กลิ่น สัมผัส และเสียง   ในรูปลักษณ์หน้าตาของเมนูอาหารเป็นส่วนประกอบที่เชิญชวนให้อยากรับประทาน ร่างกายของมนุษย์เมื่อเห็นหน้าตาของอาหารที่สวยงามจะกระตุ้นความรู้สึกให้ชวนรับประทาน รสชาดเป็นปัจจัยหลักของเมนูอาหาร ซึ่งมองดูสวยงามอย่างเดียวแต่ไม่อร่อย ก็จะรับประทานครั้งเดียวไม่ชวนให้ติดใจ กลิ่นหอมหวลในเมนูอาหารก็เป็นการกระต้นความต้องการได้อีกอย่างหนึ่ง สัมผัสจากการรับประทานที่ระบบประสาทสัมผัส ได้แก่ ริมฝีปาก ปลายลิ้น โคนลิ้น เรืออวัยวะช่วยย่อย มีความกรอบ นุ่ม แข็ง ซึ่งความชอบที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่ขณะปรุงมีเสียงกุ๊กกิ๊กจากในครัวก็ชวนให้น้ำลายไหลอยากรับประทานได้ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของเสน่ห์การปรุงอาหารที่เรียกว่า"เสน่ห์ปลายจวัก" นั่นเอง

ส่วนประกอบและสภาพแวดล้อม การใช้ความร้อน การหั่น การตำเครื่องปรุง ขั้นตอนการปรุง เป็นส่วนสำคัญมากทีเดียว ระยะเวลาแต่ละช่วงแต่ละขั้นตอน ที่ต้องใส่ส่วนประกอบหลักอะไรก่อนหลังที่ต้องระลึกอยู่เสมอทำบ่อย ๆ จนเกิดความเคยชิน การทำอาหารให้ถูกปากของผู้รับประทานจะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญอย่างมาก จะไม่ต้องชิมรสชาดบ่อยนักซึ่งจะทำให้รสชาดเปลี่ยนไปเนื่องจากการปรับตัวของลิ้นของผู้ชิมนั่นเอง วัสดุประกอบในการทำอาหารเช่น ผัก เนื้อ ต้องมีเคล็ดลับ บางเมนูต้องใช้ผักหลายอย่างที่ต่างชนิดกัน อัตราการสุกใช้ความร้อนและเวลาไม่เท่ากัน ควรเลือกใส่สิ่งที่สุกยากก่อนและอย่าปล่อยให้สุกเกินไป ให้ใช้ใกล้จะสุกจึงเติมอย่างอื่นลงไปจะทำให้ส่วนประกอบสุกพร้อมกันตามต้องการ การเติมเครื่องปรุงรส เค็ม หวาน หรือเปรี้ยว ควรเติมรสเค็มพอเหมาะแล้วเติมรสเปรี้ยวตัดตามลงไป หากชอบหวาน ควรเติมหลังสุด โดยเฉพาะรสเค็ม เมื่ออาหารอยู่บนเตาร้อนจัดจะมีรสเค็มพอดี แต่เมื่อปล่อยให้เย็นลง จะเพิ่มความเค็มขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ที่ประสบการณ์ของกุ๊ก ที่มีประสบการณ์
 

**โครงการณ์สนับสนุนให้คนไทยนิยมรับประทานอาหารแบบไทย ๆ เพื่อสุขภาพและ พลานามัยที่ดี **