puideedee.com

สัมภาษณ์คนดัง ในรายการ "สุริวิภา"แขกรับเชิญ นายแม่สาย ประภาสะวัต เริ่มเป็นเศรษฐีตั้งแต่วัย อายุ 26 ปี จากเด็กเกเรที่เคยอยู่ในแก๊งเด็กแว๊นขับมอร์เตอไซด์ซิ่งในท้องถนน ผันตัวมาจับธุรกิจมูลค่าระดับพันล้าน ให้แนวคิด "การพัฒนาสมองที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดคือการอ่านหนังสือ สิ่งที่เราไม่รู้แต่มีคนอื่นที่เขารู้ได้รวบรวมมาเป็นหนังสือให้เราอ่าน กว่าที่จะได้หนังสือมาให้เราอ่านต้องใช้เวลาเป็นสิบปี แต่เราอ่านหนังสือเพียงเล่มเดียวก็รวยได้" ตอนเด็กได้รับการปลูกฝังจากคุณพ่อให้มีนิสัยรักการอ่านหนังสือจึงกลายมาเป็นนักธุกิจมูลค่าพันล้าน

 

 

 




แม่สาย ประภาสะวัต (โจ) ผู้มองเห็นคุณค่าของชีวิตในการที่เกิดมา หลังจากที่เรียนจบไม่เคยคิดที่จะสมัครงานในบริษัทใด แต่จะเสาะแสวงหาธุรกิจที่เมาะสมกับตัวเองที่คิดว่าอยากจะเป็น จนได้ไปพบกับคุณลุงผู้หนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถใกล้ ๆ หอพักได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการติดแก๊สรถยนต์ กับที่อู่คุณลุงซึ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ด้วยความช่างพูดจึงได้รับการสอนวิชาการติดแก๊สรถยนต์ เหมือนเด็กฝึกงานทั่วไป เนืองจากวิกฤตในช่วยปี 48 เป้นช่วงที่น้ำมันแพง ประกอบกับการที่เขาชอบเครื่องยนต์ รถยนต์อยู่แล้ว จึงมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจ มองเห็นทางหาเงินด้วยตนเอง เมื่อได้เรียนรู้วิชาติดแก๊สกับอู่รถยนต์ดังกล่าวแล้ว จึงได้หาเงินทุนประมาณ 70,000 บาท ได้ลงทุนซื้อเครื่องมือติดตั้งแก๊สรถยนต์ และหาสถานที่ตั้งร้านเล็ก ๆ ขนาด  3x3 ตารางเมตร แถวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเล็งเห็นว่าจะมีคู่แข่งที่น้อยกว่าในกรุงเทพในการทำร้านติดแก๊สรถยนต์  และการทำงานได้เดินทางจากที่บ้านแถวรังสิตไปจังหวัดนครศรีอยุธยาเพื่อเปิดร้านทุกวัน "ช่วงนั้นผมต้องทำทุกอย่าง ใกล้ ๆ ร้าน ผมมีตลาดนัดผมก็ใส่ชุดแบบสุภาพไปยืนแจกโบรชัวร์ร้าน และกลับมาเปลี่ยนเป็นชุดช่างเพื่อทำงาน ช่วงนั้นผมจ้างช่าง 2 คนมาช่วย ผลตอบแทนก็ดีอย่างที่คุยกับคุณลุงไว้ ได้กำไรตกคันละ 5,000 บาท วันหนึ่งผมทำรถ 1 คัน เดือนหนึ่งผมก็มีรายได้แสนห้าแล้ว"

โจชอบ หาความรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จึงมักชอบไปถามช่างตามร้านต่าง ๆ ว่ารถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อต้องติดตั้งก๊าซในลักษณะใด พร้อมกับเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการติดตั้ง เพื่อใช้เวลาในการทำงานน้อยลง และเกิดความปลอดภัยกับผู้มาใช้บริการมากขึ้น กิจการของโจขยายขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นช่องทางธุรกิจที่กว้างขึ้น นั่นคือ การนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซ โจเริ่มทำธุรกิจนำเข้ากับต่างประเทศ แต่เพียงปีเศษหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจด้วยกันเกิดแยกตัวไปทำเอง ทำให้เขาต้องแบกรับภาระ อุปกรณ์ที่นำเข้ามาเป็นเงินหลายสิบล้าน "ตอนนั้นผมขาดทุนเดือนละ 1 ล้านบาท แต่จะทำอย่างไรได้ ผมลงทุนไปแล้วก็ต้องทำต่อไป ยอมขาดทุน และก็ไม่ท้อด้วย พอเดือนที่ 9 ตัวเลขขาดทุนก็น้อยลง และเริ่มกลับมามีกำไร"

โจเปลี่ยน ช่องทางจากช่างซ่อมมาเป็นครูสอน เขาได้เขียนตำราคู่มือติดตั้งก๊าซรถยนต์เป็นเล่มแรกของประเทศไทย และถูกใช้อ้างอิงในการเรียนการสอนของนักศึกษาที่เรียนด้านเทคโนโลยี โจยังได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรตามสถาบันการศึกษาเป็นระยะ นอกจากนี้เขาเองยังได้จัดอบรมฟรีให้กับช่างทั่วประเทศที่ต้องการความรู้ด้านการติดตั้งก๊าซรถยนต์ที่ถูกต้องและปลอดภัยทุกเดือน  เขาย้ำว่าเขาอบรมให้ฟรีโดยไม่ได้มุ่งหวังอะไร เพียงแค่ต้องการให้ช่างหรือคนทั่วไปที่สนใจได้รับความรู้ แต่ผลพลอยได้คือได้เพื่อน ได้เครือข่าย หรืออาจจะสนใจสินค้าที่เขานำเข้า แต่หากไม่สนใจก็ไม่เป็นไร ปัจจุบันนอกจากบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซรถยนต์ครบวงจร โดยมีธุรกิจติดต่อกับต่างประเทศ 7 ประเทศแล้ว โจยังทำโรงงานผลิตถังก๊าซรถยนต์ และทำธุรกิจ ผู้ผลิต จำหน่าย ให้เช่าจอแอลอีดี (LED) อีกด้วย


   

 

จนที่สุดโจ ในวัยเพียง 26 ปี  ก็กลายมาเป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน ด้วยความมุ่งมั่นเป็นผู้ใฝ่รู้ และคิดตลอดในช่องทางที่ใฝ่ฝัน แล้วลงมือทำอย่างไม่หยุดยั้ง พัฒนาความคิด และการทำงานอย่างต่อเนื่อง ความคิดไม่หยุดนิ่งและการทำงานที่มีวิวัฒนาการ ของโจ จึงได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งในบางอย่างที่ได้มาอาจจะไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำ การพัฒนาในการทำงานย่อมไปคู่กับแนวคิดเสมอ แล้วผลที่ได้จะกลับเป็นทวีคูณ เป็นบุคคลตัวอย่างที่เป็นแนวคิดของนักธุรกิจแบบผู้นำ ที่มีการพัฒนาความคิดและการกระทำที่ไม่หยุดนิ่ง แม่สาย ประภาสวัติ นักธุรกิจคนไทยที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางเศรษฐีระดับโลก


วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ (Warren Edward Buffett)  เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1930  ที่โอมาฮา ,เนบราสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจบันเป็นนักลงทุน นักธุรกิจชาวอเมริกันที่มีเชื่อเสียงระดับโลก เขาเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เป็นผู้ถือหุ้น รายใหญ่ และซิอีโอ ของบริษัทเบิร์กเชียร์ฮาธเวย์ เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ.200ค  จากการจัดอันดับของนตยสาร ฟอร์บส์ โดยมีทรัพย์สินประมาณ 50 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มักจะได้รับฉายาว่าเป็นเทพพยากรร์แห่งโอมาฮา หรือไม่ก็ ปราชญแห่งโอมาฮา และใน ปี พ.ศ. 2551 ได้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกด้วยจำนวนเงิน 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


   

 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกิดที่เมืองโอมาฮา ในรัฐเนเบรสกา ได้ซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11ปี เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่วอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และได้ย้ายไปเรียนและจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเนแบรสกาหลังจากนั้นได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 1951 ในสมัยเป็นเด็ก วอร์เร็น บัฟเฟต์ เคยหารายได้พิเศษด้วยการติดตั้งตู้เกมส์พินบอลหยอดเหรียนในร้านตัดผมและเคยเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์มาก่อน เมื่อครั้งที่ยังศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาเศษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโคลับเบีย อยู่นั้น วอร์เร็นบัฟเฟตต์ได้ ศึกษาถึงปรัชญาการลงทุนจาก เบนจามินเกรแฮม หลังจากนั้นก็นำปรัชญาการลงทุนจาก ฟิลิป ฟิชเชอร์ มาปรับประยุกต์เข้าด้วยกัน วอร์เรนบัฟเฟต์ ถือเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่าของหุ้นที่มั่นคงในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีเพื่อนสหายที่เป็นมหาเศรษฐี ชื่อ บิลล์เกดส์ ซึ่งเคยชวนให้เขาร่วมลงทุนในบริษัทไมโครซอฟท์ แต่เขาก็ขอปฏิเสธ เนื่องจากไม่มีความเข้าใจในระบบธุรกิจประเภทนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยินดีที่จะบริจาคเงิน จำนวนมหาศาลแก่มูลนิธิของบิลล์เกตส์แทน ในบางโอกาสเขามักเล่นเกมไพ่บริดจ์กับบิลล์ เกตส์ผ่านทางระบบออนไลน์ (เพื่อลับสมองมากกว่าเพื่อการพนัน)


    

บิล เกตส์                                         Bill Gate


 

คาร์ลอส สลิม .. carlos slim                          อามันซิโอ ออร์เตกา กาโอนา Amancio Ortega Gaona


   

มาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก..Mark Elliot Zuckerberg     คริสตี้ วอลตัน..Liliane Bettencourt 



ทำธุกิจอะไร จึงจะไม่เสียเปรียบ 

     ทุกวันนี้หากเราไม่ศีกษาให้เข้าใจแลัว เราจะตกเป็นเหยื่อของการทำธุรกิจที่เอาเปรียบอย่างมาก เจ้าของบริษัทต้องการกำไรสูง และไม่อยากจ่ายเงินค่าตอบแทนคืนให้กับคนขาย โดยให้สะสมแต้มบ้าง คะแนนบ้าง ต้องมีดาวน์ไลน์เต็มไปหมด สะสมไม่ได้ในเดือนนั้นก็หมดสิทธิ ต้องซื้อของรักษายอดบ้างจนกองเต็มห้อง สุดท้ายเงินก็ไม่ออกจากบริษัทกลับวนไปเหมือนเดิม แล้วให้หาสมาชิกแยะๆ คนขายก็ไม่รู้จะขายใคร เพราะมีสมาชิกมากๆจริง แต่ก็ซื้อกับบริษัทโดยตรง คนขายก็ไม่ได้ยอดขายตรงและเปอร์เซนต์ สุดท้ายคนขายเดิมก็หายไปเรื่อยๆ บริษัทไม่ต้องจ่ายเปอร์เซนต์จากยอดขาย 


    

 

ธุรกิจการลงทุน  ในด้านการลงทุนทางธุรกิจที่หลากหลายสำหรับผู้ต้องการลงทุน สิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนจะต้องเรียนรู้ระบบของธุรกิจที่จะทำการลงทุนได้เป็นอย่างดี และพัฒนาเทคนิคการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นแนวทางหนึ่งที่นักธุรกิจไม่ต้องผลิตสินค้าเอง โดยอาศัยการเกร็งกำไรจากการขาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่านักเกร็งกำไรนั่นเอง หรือการลงทุนผลิตสินค้าเองทำการจำหน่ายสินค้าโดยทำการตลาดเอง เรียกว่าเป็นเจ้าของกิจการ หรือการลงทุนร่วมกับผู้ผลิต โดยเป็นผู้จัดทำการตลาดเสียเอง ในตัวสินค้าเป็นของผู้ร่วมหุ่น อย่างนี้ก็สามารถสร้างรายได้จากการลงทุน จะใช้ทุนน้อยหรือมากอยู่ที่ ดีมาน ซัพไพล์ของสินค้านั้น ๆ ธุรกิจเครือข่ายยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุน แต่ต้องบริหารเรื่องการตลาดในแนวทางจองตนเอง ปัจจุบันมีผู้คนที่หันมาทำระบบการตลาดในรูปของออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในระบบของการลงทุนประสบผลสำเร็จได้ง่าย เป็นการนำเสนอสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ ระบบอินเทอเนต ที่ตรงประเด็นสำหรับผู้ต้องการบริโภคอุปโภคได้ทั่วโลก เป็นการลงทุนจำนวนน้อยมากและสามารถขยายการขายในระบบเครือข่ายได้ปริมาณสูง




  

  


แล้วทำธุรกิจอะไรจึงจะดี ได้เงินแน่นอนไม่เหนื่อยฟรี

หากมีธุรกิจที่เงินออกทุกวันพฤหัส สามารถแจงยอดดูได้ มีการฃ่วยกันระหว่างอัพไลน์ กับดาวน์ไลน์ เพราะช่วยกันทำคนละข้าง สายงาน ไม่ต้องเหนื่อยทำคนเดียว 2 สายงาน สามารถสะสมแต้มได้เรื่อยๆ ไม่ต้องสะสมยอดขายเพื่อกินเปอร์เซนต์ ไม่ต้องซื้อของเพื่อรักษายอด แค่ขายโปรได้ ก็ได้เที่ยว เกาหลี ญี่ปุ่น จีน..อย่างง่ายดาย เจ้าของบริษัท มีคุณธรรม ของมีคุณภาพสุดยอด ได้ประสิทธิภาพจริง มีการอบรมอย่างต่อเนื่องโดยผู้เชี่ยวชาญ มากกว่าคำว่าฟรี..   

 

 

โทรมาคุยกับเราสิคะ..คิดใหม่ทำใหม่ ออกนอกกรอบ เพราะดิฉัน ลูกชาวนา +แม่ค้า มาเป็นสาวโรงงาน ได้พังรั้วความจนลง ด้วยธุรกิจที่บริษัท YICC.THAILAND CORPERATION เฃิญโทรมาคุยเลยนะคะ ที่ ผู้อำนวยการ.ฝ่ายการตลาด นิคมรัตน์ สาลีทำ โทร. 0800-587-589 คะ และ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนงาน นิธินนท์ ตันตราจิณ โทร.089-270-2607 คะ